เรียน คุณแป๊ะ
- เมื่อเป็นหนี้เขาแล้ว ก็ไม่ได้มีอิสระที่นึกจะส่งก็ส่ง นึกจะหยุดก็หยุดได้หรอก เพราะมีหน้าที่ต้องส่งชำระหนี้นั้นจนกว่าจะหมด ถ้าเมื่อไรไม่ส่ง เขาก็เริ่มคิดดอกเบี้ยแบบผิดนัด คือในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ตกลงกันไว้หลายเท่า
- เมื่อไม่ชำระหนี้เขาก็ฟ้องเพื่อให้ศาลบังคับให้ชำระหนี้ ถ้าไม่ชำระ เขาก็มายึดบ้านไปขายทอดตลาด
- เมื่อขายทอดตลาดแล้วได้เงินมาเขาก็จะนำไปชำระดอกเบี้ย ซึ่งกว่าคดีจะแล้วเสร็จดอกเบี้ยก็เกือบจะท่วมต้น เงินที่ขายบ้านได้ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็ขายในราคาถูก ๆ ) เขาก็นำไปชำระดอกเบี้ยก่อน ถ้ามีเงินเหลือจึงจะชำระเงินต้น ดังนั้นส่วนใหญ่เมื่อถูกยึดบ้านไปแล้ว หนี้ก็จะยังมีอยู่เกือบเท่าเดิม และพอเวลาผ่านไป หนี้นั้นก็จะมากกว่าเดิม เรียกว่าเสียบ้านแล้ว ก็ยังมีหนี้ที่มากกว่าเดิม
- ถ้ามีเงินเหลือเขาก็คืนให้ แต่ยังไม่เคยปรากฏว่ามีเงินเหลือ
- ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไปสัก 2-3 ปี หนี้ก็จะเป็นล้าน ๆ แล้วเขาก็ฟ้องล้มละลาย
ทางที่ดีก็คือหาทางขายบ้านนั้นในราคาถูก ๆ แม้จะไม่ได้เงินเลย แต่ให้ผู้ซื้อเขาไปผ่อนส่งต่อ บางทีก็จะทำให้หนี้หมดได้ ข้อสำคัญเวลาจะทำอย่างนั้นต้องทำให้ถูกต้อง โดยพูดคุยกับธนาคารเจ้าหนี้เสียก่อนจะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จึงจะพ้นจากหนี้นั้นไปได้
มีชัย ฤชุพันธุ์ 25 กันยายน 2551 |