ปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการส่วนท้องถิ่นใครคือผู้รับผิดชอบ
ตามที่ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2551 ได้มีการคัดเลือกตัวแทนพนักงานเทศบาล จำนวน 3 คน เพื่อเป็นตัวแทนในคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 นั้น
ชมรมนักบริหารงานเทศบาลแห่งประเทศไทย ขอเสนอข้อสังเกตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายมาเพื่อโปรดพิจารณาในประเด็นสำคัญ รายละเอียดดังนี้
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2551 ได้มีการคัดเลือกตัวแทนพนักงานเทศบาล จำนวน 3 คน เพื่อเป็นตัวแทนในคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 มาตรา 24 ซึ่งบัญญัติว่าให้มีคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลคณะหนึ่ง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย 1. ผู้แทนส่วนราชการ จำนวน 6 คน 2. ผู้แทนเทศบาล จำนวน 6 คน (นายกเทศมนตรี จำนวน 3 คน, ปลัดเทศบาล จำนวน 3 คน) และ 3. ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน นอกจากนี้มาตรา 23 ให้มีคณะกรรมการพนักงานเทศบาลระดับจังหวัด จำนวน 3 ฝ่ายได้แก่ส่วนราชการ จำนวน 6 คน, ผู้แทนเทศบาล จำนวน 6 คน (ประธานสภาเทศบาล จำนวน 2 คน , นายกเทศมนตรี จำนวน 2 คน, ปลัดเทศบาล จำนวน 2 คน) และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในทำนองเดียวกันกับคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล
เมื่อคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลครบวาระการดำรงตำแหน่ง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ทุกประการ ประเด็นปัญหาที่จะขอกรุณาเสนอความคิดเห็น เป็นดังนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 หมวด 14 มาตรา 288 วรรค 3 บัญญัติว่า คณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถิ่นตามวรรคหนึ่งจะต้องประกอบด้วย ผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องผู้แทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนของข้าราชการส่วนท้องถิ่นและผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีจำนวนเท่ากัน ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ ไปดูบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2550 มาตรา 303 บัญญัติว่า ในวาระเริ่มแรกให้คณะรัฐมนตรีที่เข้าบริหารราชการแผ่นดินภายหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งแรก.................................
ตามรัฐธรรมนูญนี้ ดำเนินการจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมายในเรื่องดังต่อไปนี้ ให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และมาตรา 303 (5) บัญญัติว่า กฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายรายได้ท้องถิ่น กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายเกี่ยวกับข้าราชการส่วนท้องถิ่นและกฎหมายอื่น ตามหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ภายในสองปีนับ แต่วันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 176 ในการนี้จะทำเป็นประมวลกฎหมายท้องถิ่นก็ได้ ในกรณีที่ปรากฏว่ากฎหมายใดที่ตราขึ้นก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ มีเนื้อหาสาระเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ให้ถือเป็นการยกเว้นที่จะไม่ต้องดำเนินการตามมาตรานี้อีก ซึ่งเมื่อดูเผินๆ แล้วคงมีระยะเวลาอีก 2 ปี กว่าจะใช้บังคับให้มีกฎหมายข้าราชการส่วนท้องถิ่น ฉบับใหม่ตามมาตรา 303 (5) หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบาย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งจะครบกำหนดภายในกุมภาพันธ์ 2553 จึงจะครบ 2 ปี ปัญหาที่ขอนำเสนออยู่ตรงที่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 305 (7) บัญญัติว่า มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 255 วรรคห้า และ มาตรา 288 วรรคสาม มาใช้บังคับภายในหนึ่งปีนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550 ซึ่งทำให้มาตรา 288 วรรคสาม มีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 และทำให้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 มาตรา16 มาตรา 24 มาตรา 26 มาตรา 5 มาตรา 23 และมาตรา 25 ซึ่งกำหนดให้มีคณะกรรมการในคณะกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. อบต. เทศบาล) ระดับจังหวัด และคณะกรรมการกลาง อบจ. เทศบาล และอบต. ซึ่งตามกฎหมายฉบับนี้มีคณะกรรมการเพียง 3 ฝ่าย ซึ่งขัด/แย้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 288 วรรคสาม และมาตรา 305 (7) ซึ่งให้มีคณะกรรมการสี่ฝ่าย ฝ่ายละเท่ากันและให้ใช้บังคับหลังประกาศใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญโดยมีผลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 นอกจากนี้ในมาตรา 74 แห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ บัญญัติว่า บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชนตามหลัก ธรรมมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน บุคคลตามวรรคหนึ่งต้องวางตน เป็นกลางทางการเมือง ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งละเลยหรือไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง บุคคลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียย่อมมีสิทธิขอให้บุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือผู้บังคับบัญชาของบุคคล ดังกล่าว ชี้แจงแสดงเหตุผล และขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้
ปัญหาที่ชมรมนักบริหารงานเทศบาลแห่งประเทศไทยขอนำเสนอ คือ
1. กรม ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการอย่างไร
2. นับแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2551 ซึ่งมาตรา 305(7) มีผลบังคับใช้ คณะกรรมการกลางข้าราชการส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ซึ่งตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ซึ่งขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ จะสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่
3. มติต่าง ๆ ที่ออกมาทั้งจากคณะกรรมการกลางและคณะกรรมการระดับจังหวัดจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การเสนอข้อสังเกตุในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการที่ ขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อบริหารงานบุคคลที่เป็นประโยชน์กับการพัฒนาข้าราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในรูปแบบของการปกครองท้องถิ่นอย่างชัดเจน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
ชมรมนักบริหารงานเทศบาลแห่งประเทศไทย
|