เรียน อาจารย์มีชัย คะ...หนูกับสามี ได้ทำเรื่องกู้เงินซื้อบ้านเดี่ยวจำนวน 1 หลัง ให้กับญาติ โดยบ้านหลังดังกล่าวหนูและสามีไม่ได้เป็นคนอยู่ แต่ญาติจะเป็นคนอาศัยอยู่ โดยตกลงกันว่าจะเป็นผู้ส่งบ้านเอง แต่ช่วงหลังมานี้เค้าจะส่งบ้าง ไม่ส่งบ้าง ซึ่งเมื่อเขาไม่ส่ง หนูและสามีก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ซื้อบ้านมานี้ หนูและสามีจะเป็นผู้ส่งเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนหน้านั้นหนูก็ไม่มีปัญหา สามารถส่งได้ แต่ช่วงนี้หนูลาออกจากงาน และยังหางานทำไม่ได้ จึงทำให้ภาระการผ่อนบ้าน ไม่สามารถทำได้เต็มที่ หนูก็บอกเขาให้ช่วยส่งอย่างสม่ำเสมอด้วย แต่เขาบอกว่าถ้ามีก็จะส่ง ถ้าไม่มีก็ไม่ส่ง หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง จึงได้บอกให้เขาออกจากบ้านไป แล้วหนูจะรับผิดชอบเอง แต่เขาบอกว่าบ้านนี้เขาก็ช่วยส่งเหมือนกัน เขาไม่ยอมออก หนูบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็จะหยุดส่ง และจะยอมให้ธนาคารยึดบ้านไป เขาก็บอกว่าธนาคารมายึดเมื่อไหร่เขาก็จะออกเมื่อนั้น (เห้ออ....หนูปวดใจมากเลยค่ะ) และตอนนี้หนูก็หยุดส่งค่าบ้านมา 1 เดือนแล้วค่ะ และคิดว่าคงจะหยุดไปเรื่อยๆ อาจารย์ช่วยหาทางออกให้หนูด้วยนะคะ ว่าหนูควรจะทำอย่างไรดี (เขามีชื่ออยู่ในทะเบียนหลังนี้ด้วยค่ะ โดยหนูเป็นเจ้าบ้าน) แต่ใจหนูไม่อยากมีปัญหากับธนาคาร ไม่อยากเสียเครดิต เพราะกำลังคิดจะกู้เงินมาทำธุรกิจส่วนตัว กลัวมีปัญหาแล้วทำธุรกรรมกับธนาคารไม่ได้ค่ะ...
รบกวนขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยนะคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
คนใจดี
เรียน คนใจดี
ในเมื่อการซื้อบ้านและการกู้เงินเป็นชื่อคุณและสามี หนี้นั้นทั้งหมดจึงเป็นของคุณสองคน บ้านนั้นก็เป็นของคุณ คนที่เขาอยู่น่ะเขาไม่ได้เกี่ยวด้วย หากคุณไม่ผ่อนส่งตามที่ตกลงกับเจ้าหนี้ไว้ ถึงเวลาเขาก็มายึดบ้านไปขายทอดตลาด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้เงินมาพอที่จะชำระดอกเบี้ยและเงินต้นอีกนิดหน่อย ส่วนที่เหลือก็จะผลิตดอกเบี้ยในอัตราสูง (อัตราผิดนัดซึ่งปกติจะประมาณร้อยละ 19-20) ไม่ช้าก็จะท่วมต้น แล้วเขาก็จะฟ้องคุณให้ล้มละลาย โดยคนที่คุณตั้งใจจะซื้อบ้านให้เขาไม่ต้องเดือดร้อนอะไร นอกจากต้องย้ายออกจากบ้านนั้น ทางที่ดีควรให้เขสาออกจากบ้านนั้น ถ้าเขาไม่ออกก็ฟ้องขับไล่ แล้วเอาบ้านนั้นให้คนเช่าเพื่อเอาเงินมาส่งต่อไปจะได้ไม่เสียเครดิต
ไม่น่าเชื่อว่าคนใจดีอย่างนี้ ยังมีอยู่ในโลก