คือเรื่องมีอยู่ว่าคอนโดที่อยู่ทุกวันนี้ได้มีการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดและหนูก็ได้รวบรวมเงินได้จนครบแล้วจึงจะไปปิดกับแบงก์ ทางแบงก์จึงบอกว่าต้องเสียค่าถอนยึด3.5 % ของราคาประเมินที่ดินคือ 1600000 บาท ก็ประมาณ 58,000 บาท จึงต้องการทราบว่าตรงนี้สามารถลดหย่อนยังไงได้บ้าง เพราะตอนแรกหนูคิดว่า 3.5% ของราคาที่ติดแบงก์ ณ ปัจจุบัน ประมาณ700,000 เพราะเคยอ่านเจอว่า2.5 % ของราคาประเมินที่ดิน หรือราคาที่แบงก์นำยึด แล้วแต่ว่าราคาไหนจะต่ำกว่ากัน ให้เอาราคานั้นเป็นหลักสำหรับคอนโดที่ถูกฟ้องก่อนปี2547 ถ้าจำไม่ผิดนะคะ หนูจึงไม่แน่ใจว่าต้องหาเงินตรงนี้อีกเท่าไรกันแน่คะ เพราะหนูไม่ค่อยมีเงินกว่าจะหยิบยืมขายที่ทางบ้านต่างจังหวัดก็เกือบไม่ทันแล้วค่ะไหนจะยังค่าส่วนกลางที่ค้างชำระอีกตามที่เคยถามเรื่องเบี้ยปรับไปค่ะ และอีกคำถามก็คือถ้าไม่มีใบปลอดหนี้ทางกรมที่ดินจะไม่โอนจากชื่อแบงก์เป็นชื่อเราใช่หรือเปล่าคะ หรือว่าต้องใช้เฉพาะในกรณีซื้อขายกับคนอี่นอีกต่อหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับทางแบงก์ที่ยังไงก็ต้องโอนให้เราในกรณีที่ปิดแบงก์หมดแล้วหรือทั้งสองกรณีต้องใช้หมดคะ ตอนนี้มีปัญหาคือถ้าต้องจ่ายตรงนี้ทั้งเรืองถอนอายัดและปิดส่วนกลางซึ่งหนูไม่คิดว่าจะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้มากขนาดนี้ค่ะ จึงมีปัญหาเงินไม่พอขาดบางส่วนแต่หนูได้นัดแบงก์จะเคลียร์ทุกอย่างในวันที่ 11 กันยายน 2551 ค่ะ หนูจึงกลัวไม่ทันเพราะต้องปิดส่วนกลางและขอใบปลอดหนี้ในการรับ.โอนจากแบงก์ในวันนัดค่ะ เพราะนิติบอกว่าใช้เวลาประมาณ5 - 7 วัน จึงออกใบปลอดหนี้ได้ต้องใช้เวลาค่ะ บังเอิญหนูยังตกลงเรื่องค่าเบี้ยปรับกับทางนิติไม่ได้ เรื่องที่หนูจ่ายไม่ทันกำหนด 31 สิงหาคม 2551 แต่หนูคิดหนูไปจ่าย 1 กันยายน 2551 ก็ช้าไป1 วันเพราะเหตุจำเป็ยคงจะอนุโลมกันได้ค่ะ แต่ตอนนี้หนูกลัวนิติแกล้งหนูไม่ยอมช่วยหนูในการประนีประนอมกับทางกรรมการให้ค่ะ เพราะดูเค้าคงโกรธหนูที่โทรเข้า สำนักงาน เค้าค่ะแต่หนูไม่ได้มี่เจตนาข้ามหน้าข้ามตานะคะหนูคิดว่าถ้าเราคุยเองบอกความจำเป็นจากปากเราเองทางผู้จัดการคงอนุโลมให้หนูค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ตอนหนูด่วนด้วยนะคะภายในวันศุกร์จะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ เพราะหนูไม่มีเวลาแล้ว หนูมีนัดกับแบงก์ที่กรมที่ดิน วันที่ 11 กันยายน 2551 ค่ะ
การจะต่อรองอะไรน่ะ ไม่มีกฎหมายห้ามหรอก อยากต่อรองอย่างไรก็ไปคุยกับเขาได้