เพื่อนของพ่อได้ไปขโมยเตาแก๊สมาแล้วมาหาพ่อบอกว่าช่วยเอารถไปขนมาไว้ที่ให้หน่อยโดยได้ฝากไว้ที่บ้านของพ่อ ซึ่งพ่อไม่รู้ว่าเป็นของที่ขโมยมา แต่แม่เอะใจจึงไปบอกกับน้าซึ่งเป็นตำรวจแต่ไม่ได้ลงบันทึกไว้เป็นลายลักษ์อักษร ซึ่งขณะเดียวกันผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว ต่อมาตำรวจได้นำกำลังมาตรวจค้นที่บ้านพร้อมหมายศาล และได้ของกลางไปแล้ว คนที่ขโมยมาก็หนีไปตำรวจจึงบอกพ่อว่าถ้าตามตัวคนร้ายมาไม่ได้พ่อจะเดือดร้อนเอง หลังจากนนั้นพ่อก็ตามคนร้ายกลับมาได้และได้ไปให้การที่สถานีตำรวจพร้อมกันทั้งสองคน เพื่อนของพ่อยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวและบอกว่าพ่อไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง( ขณะที่สอบสวนนั้นนั่งให้การพร้อมกันสองคนเลยค่ะทั้งพ่อและก็เพื่อนของพ่อ) ตำรวจให้เพื่อนพ่อเซ็นต์รับสารภาพแล้วและได้ลงนามไปแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจไม่จับผู้ร้ายตอนนั้นเลยยังปล่อยให้กลับอีก ต่อมาคนร้ายได้หนีไปยังประเทศลาว ตำรวจเลยมาหาพ่อโดยตั้งข้อหาว่ารับซื้อของโจรให้เซ็นต์รับผิดแต่พ่อยังไม่เซ็นต์ หลังจากนั้นตำรวจบอกพ่อว่าได้พลิกสำนวนใหม่ไม่ให้พ่อโดนข้อาหารับซื้อของโจร/สมรู้ร่วมคิด (ไม่เข้าจว่าไปโดนตอนไหนเพราะคนผิดรับสารภาพไปแล้ว) โดยเรียกร้องค่าเดินเรื่องเป็นเงิน 25,000 บาท จนทุกวันนี้ผ่านไปประมาน 1 เดือนเรื่องยังไม่ไปถึงไหนบอกว่าจะมายกรถที่เอาไปขนเตาแก๊สเพราะเป็นของกลางก็ยังไม่มาซ้ำยังเพิ่มข้อหาให้พ่ออีกเรื่อยๆ และยังได้นำผู้ใหญ่บ้านมาพูดกับพ่อว่าให้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้เรื่องจะได้จบ เพราะที่เรื่องยังไม่ไปถึงไหนเนื่องเห็นแก่น้าที่เป็นตำรวจเหมือนกันซึ่งเป็นญาติของแม่จึงไม่นำเรื่องไปถึงชั้นศาล ดิฉันบอกพ่อว่าให้เฉยๆไว้ก่อนถ้าจะมายึดรถที่เป็นของกลางให้มีหมายศาลหรือถ้าจะจับต้องมีหมายศาลมาดิฉันทำถูกหรือไม่และควรแก้ไขอย่างไรดีค่ะพ่อจะโดนตั้งข้อหาจริงหรือเปล่า/ขอบพระคุนล่วงหน้าค่ะเนื่องจากพ่อเป็นชาวนาดิฉันอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่จึงไม่สามาถรจะไปดำเนินการเองได้