ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    030308 การฟ้องหย่าจงรัก10 สิงหาคม 2551

    คำถาม
    การฟ้องหย่า

    กราบเรียน อ.มีชัย ที่เคารพอย่างสูง

    ดิฉันแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับสามีมาได้ประมาณสิบปีแต่ยังไม่มีบุตรด้วยกัน เนื่องจากหลังจากแต่งงานดิฉันกับสามีไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เพราะทำงานอยู่กันคนละจังหวัด ดิฉันเพิ่งทราบว่าสามีมีผู้หญิงคนใหม่และมีบุตรด้วยกันสองคนซึ่งจดทะเบียนรับรองบุตรถูกต้อง ดิฉันยื่นคำขาดให้สามีเลิกกับทางนั้น และกลับมาอยู่กลับดิฉัน พร้อมทั้งมีบุตรกับดิฉัน แต่สามีไม่ยินยอมกลับยืนกรานจะหย่ากับดิฉันค่ะ ดิฉันจึงมีปากเสียงกับสามีถึงขั้นตบตี ซึ่งดิฉันทำไปเพราะความโกรธแค้น หลังจากนั้นสามีก็หนีหายไป ปกติดิฉันกับสามีก็ไม่ได้อยู่ร่วมบ้านกันอยู่แล้ว เพราะหน้าที่การงาน แต่สามีก็จะแวะเข้ามาหาดิฉันที่บ้านอาทิตย์ละหนึ่งวัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ค้างคืน ที่ผ่านมาสามีส่งเงินเดือนทั้งหมดของเค้าให้ดิฉัน เพราะดิฉันเป็นฝ่ายยื่นคำขาด หลังจากเกิดเรื่องดิฉันไม่สามารถติดต่อ หาตัวสามีได้ จนกระทั่งมาทราบว่าสามีพาผู้หญิงคนใหม่กับลูกๆ ไปอยู่ที่อื่น สามีก็ยังยืนยันว่าจะหย่าจากดิฉันท่าเดียว ซึ่งดิฉันไม่ยอม ดิฉันกับสามีจึงทำหนังสือสัญญาร่วมกันว่าจะแยกกันอยู่ จะไม่มีการหย่าจากกัน โดยสามีต้องให้เงินทั้งหมดที่เค้าทำงานหามาได้ให้ดิฉัน ซึ่งดิฉันจะเป็นผู้จัดการแบ่งให้ใช้เอง โดยไม่ระบุจำนวนเงิน หนี้สินทั้งหมดให้สามีเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนทรัพย์สินที่หามาได้ระหว่างสมรส อันได้แก่ บ้าน และรถยนต์ ซึ่งผ่อนธนาคารได้ไม่นาน ต้องยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของดิฉัน แล้วดิฉันจะไม่ไประราน ทำร้ายสามีกับผู้หญิงคนใหม่ค่ะ แต่ดิฉันก็ไม่ได้ปฏิบัติตามนั้น ดิฉันยังคงก่อกวน ไม่ให้พวกมันได้รับความสงบสุข โทษฐานที่ทำให้ดิฉันเจ็บปวด เสียใจ ถึงขั้นข่มขู่ฆ่า ทีเดียวค่ะ ดิฉันมีปัญหารบกวนเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

    1. ถ้าสามีจะฟ้องหย่าดิฉัน สามารถทำได้ไหมคะ เพราะดิฉันไม่ประสงค์ที่จะหย่า

    2. เวลาทะเลาะกันดิฉันมักลืมตัว พูดจาไม่สุภาพ หรือส่งข้อความไปด่าว่าสามี จะทำให้ดิฉันเสียเปรียบไหมคะ หากเกิดกรณีฟ้องร้องกันขึ้นมา

    3. ดิฉันจะยื้อเวลาไว้จนถึงที่สุด จะมีผลเสียกับดิฉันอย่างไรบ้างคะ หากทางสามีมีลูกกับผู้หญิงคนใหม่มีลูกกันหลายคน ดิฉันเพิ่งทราบว่าตอนนี้ทางฝ่ายโน้นเพิ่งคลอดลูกคนที่สามค่ะ

    4.ดิฉันกับสามีไม่ได้อยู่ร่วมกันมาสองปีกว่าแล้วค่ะ หากครบสามปีสามีมีสิทธิ์ไปฟ้องหย่าไหมคะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ดิฉันสามารถร้องขอต่อศาลไม่หย่าได้ไหมคะ เพราะดิฉันไม่มีบุตร แต่ทางสามีมีบุตรกับคนใหม่ถึงสามคน

    5.เรื่องค่าทดแทน ดิฉันสามารถเรียกเท่าไหร่ก็ได้ตามแต่อยากได้ใช่ไหมคะ เพราะสามีมีการงานมั่นคง รายได้เดือนหนึ่งร่วมแสน ดิฉันเคยเสนอเงินสิบห้าล้านแลกกับอิสระภาพของเขา แต่เขาอ้างว่ามีภาระหนี้สินเยอะ ไม่มีเงินให้ค่ะ

    6.การที่ดิฉันโทรไปที่ทำงานเขาเพื่อแสดงตัวว่า ดิฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และโทรไปตรวจสอบเรื่องเงินเดือนของเขากับฝ่ายบัญชีของบริษัท ดิฉันจะมีความผิดอะไรให้เขานำมาอ้างได้ไหมคะ

    7.การที่ดิฉันส่งข้อความไปด่าทอสามีและเมียน้อย หากสามียกขึ้นมาอ้างเหตุเป็นปฏิปักษ์หรือดูหมิ่นไม่ให้เกียรติเขาได้ไหมคะ เพราะดิฉันทำไปเพราะความโมโหและปกป้องสิทธิของดิฉัน

    8.ดิฉันสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสามีและภรรยาน้อยได้ไหมคะ ในกรณีที่เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วที่ดิฉันทราบเรื่อง แต่ดิฉันต้องทำสัญญาเพราะกลัวว่าบ้านกับรถจะถูกยึด เพราะลำพังดิฉันเองเงินเดือนไม่พอส่งค่ะ ดิฉันเคยทราบมาบ้างว่ากรณีจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคู่สมรสและชู้ได้นั้นจะต้องทำภายในกำหนดเวลาหนึ่งปีหลังจากทราบว่ามีการทำความผิดเกิดขึ้น แต่ทุกวันนี้สามีและภรรยาน้อยยังคงอยู่ด้วยกันและมีบุตรด้วยกันหลายคน จะถือว่าความผิดยังคงอยู่ได้ไหมคะ

    9.ฟ้องเรียกค่าเสียหายอย่างเดียวได้โดยที่ไม่ต้องฟ้องหย่าใช่ไหมคะ หากจะฟ้อง

    10.สามีเคยบอกดิฉันตอนคุยโทรศัพท์ครั้งหนึ่งว่าจะฟ้องหย่าดิฉัน โดยยกประเด็นที่ดิฉันเคยว่าบุพการีเขาว่าไม่มีการศึกษา ทำได้ไหมคะอาจารย์ ตอนนั้นดิฉันโมโหที่พ่อกับแม่เขาปกป้องลูกชายที่ไปมีภรรยาน้อย จึงพลั้งปากพูดออกไป เพียงครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ

    11.หากถูกฟ้องหย่าแล้วดิฉันต่อสู้ ไม่ยอมหย่า ดิฉันมีสิทธิ์ร้องขอต่อศาลให้สามีกลับมาอยู่กับดิฉันอีกครั้งได้ไหมคะ หรือไปๆ มาๆ ระหว่างดิฉันกับภรรยาน้อย ศาลมีสิทธิ์สั่งไหมคะ เพราะดิฉันเคยหาทางให้สามีกลับมาอยู่ด้วยแล้วแต่ทำอย่างไรสามีก็ไม่ยอมกลับค่ะ เขายอมแม้กระทั่งไม่เอาเงินทองอะไรแม้แต่บาทเดียวแลกกับใบหย่าค่ะ

    12.เรื่องหนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสให้สามีรับภาระหน้าที่ไปฝ่ายเดียวได้หรือไม่ค่ะ หากเกิดการฟ้องหย่ากันขึ้น

    กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ ดิฉันเป็นทุกข์และไม่สบายใจกับเรื่องนี้มากๆ ค่ะ เพราะดิฉันไม่มีบุตรด้วยกันกับสามีค่ะ แต่ทางภรรยาน้อยมีถึงสามคนค่ะ

     

    คำตอบ

    เรียน คุณจงรัก

    1. ถ้าเรื่องเป็นอย่างที่เป็นอยู่เท่านี้ สามีก็ยังไม่มีเหตุอันจะฟ้องหย่าได้ แต่ไม่แน่ ถ้าคุณทำอย่างที่ทำอยู่เรื่อย ๆ ไป ก็อาจกลายเป็นเหตุฟ้องหย่าขึ้นมาได้สักวัน

    2. ก็คงเสียเปรียบอยู่ถ้าเขาเก็บหลักฐานเหล่านั้นไว้

    3. คุณยื้อไปอย่างนี้เรื่อย ๆ วันหนึ่งเขาได้คิดขึ้นมาเขาก็คงเลิกส่งเสียเงินทองให้คุณ ถึงตอนนั้นคุณก็คงต้องไปฟ้องหย่าเขาเอง

    4. ณ ปัจจุบัน ถ้าคุณไม่ฟ้องหย่าเขา เขาก็ยังฟ้องหย่าคุณไม่ได้

    5. ก็เรียกได้เท่าที่ฐานานุรูปของเขาจะอำนวยให้

    6.-7 เมื่อถึงเวลาเป็นคดีกัน สิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นหลักฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อคุณ และอาจช่วยทำให้ศาลตัดสินใจให้มีการหย่ากันก็ได้

    8. สัญญาที่คุณทำไว้กับเขานั่นแหละมีความหมายว่าคุณให้อภัยเขาในเรื่องนั้นเพื่อแลกกับเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เขาต้องปฏิบัติ เมื่อมีลักษณะเป็นการให้อภัยกันแล้ว เหตุที่คุณจะฟ้องหย่าเขาเพราะเขามีเมียใหม่ก็คงจะหมดไป ทำให้คุณหยิบยกขึ้นมาใช้เป็นเหตุไปฟ้องหย่าไม่ได้

    10. ถ้าเขาฟ้องเสียตอนนั้น (ก่อนที่เขาจะมีเมียใหม่) ก็คงทำได้

    11. ศาลอาจตัดสินให้คุณชนะคดี คือไม่ให้หย่า แต่ศาลคงไม่มีอำนาจไปบังคับให้สามีมาอยู่กับคุณได้ เพราะเป็นเรื่องที่บังคับไม่ได้

    12. เป็นเรื่องที่จะตกลงกัน  แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็คงต้องแบ่งครึ่งกันไป

         การจะเอาชนะคนที่เราไม่ชอบ โดยเอาชีวิตของเราเข้าไปเป็นเดิมพันนั้น ใช่ว่าจะทำให้คนที่เราไม่ชอบ เป็นทุกข์ แต่ฝ่ายเดียว ตัวเราเองก็เป็นทุกข์ และอาจเป็นทุกข์กว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้ เพราะอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครคอยรับการปรับทุกข์  พอดีพอร้ายวันหนึ่งไปพบคนที่ดีและเหมาะสมด้วย ก็เลยจะเป็นปัญหากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ไอ้ที่เคยคิดจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากเขา อาจกลายเป็นถูกฟ้องเรียกค่าทดแทนเสียเองก็ได้


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    10 สิงหาคม 2551