เรียนท่านอาจารย์มีชัย
สมมติอย่างนี้นะครับ นางน้อยได้ครอบครองที่ดิน ภบท.5 มาตั้งแต่ปี2531 เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โดยเป็นที่ดินเป็นของพ่อนางน้อย และได้ทำกินปลูกยูคาลิปตัส, มันสัมปะหลัง ทำนา มาตลอดจนปัจจุบัน แต่เมื่อปี 2541 ทางพ่อนางน้อยได้ทำโฉนดในที่แปลงนี้เป็นจำนวน 15 ไร่ (ในโฉนดมี 15 ไร่ , 5 ไร่ของโฉนดนางน้อยไม่ได้ครอบครอง แต่อีก 10 ไร่ เป็นส่วนที่นางน้อยครอบครองอยู่ที่เคยเป็น ภบท.5 น่ะครับ) และได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดนี้ให้นายใหญ่ซึ่งเป็นหลานชาย หลังจากพ่อนางน้อยตายได้เปลี่ยนแปลงชื่อหลังโฉนดจากพ่อนางน้อยเป็นนายใหญ่เมื่อปี 2549 และต่อมาเมื่อต้นปี 2551 นายใหญ่ได้ยื่นขอรังวัดโฉนดใหม่ เพราะไม่ทราบแนวเขตใดเป็นของตน ทางที่ดินได้ทำผังและแจ้งนางน้อยว่ามีที่ทับซ้อนกับที่ดินโฉนดของนายใหญ่ จำนวน 10 ไร่ (ที่นางน้อยได้ทำกินมา 20 ปี แล้ว)
ขอถามท่านอาจารย์ว่า
1. นางน้อยใช้สิทธิครอบครองปรปักษ์บนที่ดินจำนวน 10 ไร่ นี้ได้หรือไม่ เพราะครอบครองมาเกิน 10 ปี
2. หากเราไม่เชื่อถือแผนผังที่ สนง.ที่ดินจังหวัดรังวัด จะใช้รังวัดเอกชนที่มีใบอนุญาตทำการรังวัดเพื่อเป็นหลักฐานฝ่ายเรา ค้านการรังวัดของสนง.ที่ดินของรัฐ ต่อสู้ในชั้นศาล จะมีน้ำหนักหักล้างการรังวัดของรัฐหรือไม่ สมมติว่า รังวัดเอกชนของเราเป็นฝ่ายถูกต้องตามหลักวิชาการ
3. นายใหญ่ไม่เคยได้ทำกินมาก่อนเลย (ดูจากยังไม่ทราบเลยว่าแนวเขตที่ดินอยู่ที่ไหน และไม่เคยเข้าพื้นที่ทำกินเลย) แต่นางน้อยได้ทำกิน เลี้ยงเจ้าของเดิมซึ่งเป็นพ่อ (โดยนายใหญ่ผู้เป็นหลานไม่ได้เหลียวแลปู่เลย) และเลี้ยงลูกหลาน จากที่ดินนี้ มานานหลายสิบปี จากความเป็นมาข้างบน ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะข้อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งที่ดินส่วนทับซ้อนนี้ให้ด้วยครับผม
เรียน คณจักรพันธ์
1. นางน้อยจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าตลอดเวลาที่นางน้อยครอบครองที่ดินแปลงนั้นมาโดยถือว่าเป็นที่ดินของตน หรือในฐานะที่พออนุญาตให้ทำกิน ถ้าเป็นกรณีแรกก็อ้างการครอบครองปรปักษ์ได้
2. ถ้าไม่แน่ใจก็ไปยื่นคำร้องขอรังวัดใหม่ได้ เพราะการรังวัดของเจ้าหน้าที่ที่ดินย่อมเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าถูกต้อง
3. ปรึกษาทนายความเถิด