เรียน อาจารย์มีชัย คะ
ดิฉันเป็นจำเลยถูกฟ้องร้องจากธนาคารเรื่องสัญญาซื้อขายที่ดิน จนในที่สุด 31 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาสั่งให้ชำระหนี้เงินต้น 170,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งดิฉันยินยอมปฎิบัติตาม โดยได้ให้เวลาทนายความของธนาคารเป็นเวลา 1 เดือนในการฎีกาหรือไม่ สรุปทางธนาคารไม่ได้ฎีกา ในวันที่ 2 กรกฎาคม ดิฉันจึงได้ขอหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดจากศาล และได้ทำการติดต่อกับธนาคารเพื่อแสดงเจตนาในการไถ่ถอนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ได้โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร โอนสายไปมาเกือบสิบคน จนในที่สุดเรื่องกลับไปอยู่กับฝ่ายกฎหมายของธนาคาร และจนถึงวันนี้ ดิฉันยังไม่สามารถได้รับคำยืนยันว่า ยอดค้างตามคำพิพากษาเป็นเท่าไหร่ ทุกคนบอกว่าต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการทำเรื่องเสนอผู้ใหญ่ให้อนุมัติ หรือทางธนาคารอาจจะฎีกา ซึ่งดิฉันก็ได้แจ้งให้ทนายความธนาคารว่า มันหมดเวลาฎีกาแล้ว ดิฉันเข้าใจว่าเขาต้องการโยกโย้เรื่อง เพราะดอกเบี้ย 15% เดินทุกวัน
อยากเรียนถามอาจารย์ว่า
1. ดิฉันจะไปด้วยตัวเอง นั่งเฝ้าติดตามเรื่องที่ธนาคารโดยตรงดีหรือไม่คะ?
2. ถ้าหากว่าเจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่ฝ่ายกฎหมายเองยังซื้อเวลาอยู่อย่างนี้ ดิฉันแจ้งความกับตำรวจท้องที่ได้ไหมคะ โดยดิฉันจะแสดงคำสั่งศาล ตำรวจจะรับฟังไหมคะ?
3. ดิฉันจะใช้วิธีการใดได้บ้างคะ ในการบังคับ หรือเร่งเจ้าหน้าที่หรือฝ่ายกฎหมายของธนาคารให้ปฎิบัติตามคำสั่งศาลโดยเร็ว เข้าใจว่า ณ เวลานี้ ทางเจ้าหน้าที่อ้างเวลาปฎิบัติงานตามขั้นตอนของธนาคารอยู่ ซึ่งดิฉันจะไม่สามารถได้รับคำตอบชัดเจนได้เลย
กราบขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ค่ะ
ขอแสดงความนับถือ
มะลิวัลย์
เรียน คุณมะลิวัลย์
1. ไปนั่งเฝ้าก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทางที่ดีควรให้ทนายความมีหนังสือแจ้งไปให้ธนาคารแจ้งยอดหนี้ภายในเวลาอันสมควร เช่น 7 วัน ถ้าพ้นจากวันดังกล่าวแล้วคุณก็จะไม่รับผิดชอบในดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น
2. ทำตามวิธีที่ 1 เถอะ เรื่องทางแพ่งตำรวจเขาคงไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย
3.