กราบเรียนอาจารย์มีชัยที่เคารพ
ดิฉันเคยเรียนถามท่านเมื่อ ๔ ปีที่แล้วและได้ทำตามคำแนะนำของอาจารย์คือยื่นฟ้องเอง เรื่องคือเพื่อนสนิทสร้างรายชื่อปลอมว่ามีคนขอกู้เงินให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๘ ถึง ๑๐ ได้รับเงินไปและเอาเงินมาส่งรายสัปดาห์และเอารายชื่อเพิ่มมาอีกโดยเหมือนไม่ได้รับเงินจริง(เอาเงินที่มาส่งบวกเงินใหม่แล้วเอากลับไป)ทำไปเรื่อยๆจนเงินสะสมมากถึง ๙ แสนแล้วภายหลังทราบว่าโกหกเขายอมทำสัญญาคืนเงินแต่ไม่คืนภายในกำหนดดิฉันจึงส่งฟ้องเองและผลคือแพ้ศาลชั้นต้น ศาลตัดสินว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย เป็นสัญญาต่างตอบแทนและเป็นคดีแพ่งเพราะตกลงยอมชำระเงินแล้ว อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการทำผิดกฎหมาย แต่ดิฉันอุทธรณ์ศาลกลับคำตัดสินว่าคำฟ้องมีมูลโดยเห็นว่าจำเลยจงใจวางแผนมาหลอกลวงตัดสินว่าจำเลยได้เตรียมการมาไม่มีเจตนาคืนเงินตั้งแต่ต้นผิดฐานฉ้อโกง ม.๓๔๑ และการทำสัญญาคืนเงินเป็นเพียงหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยไม่ยอมรับ แต่ในชั้นสืบพยานจำเลยยอมสารภาพและนัดไกล่เกลี่ยจำเลยไม่ชำละเลยให้เวลา ๒ ปีจึงให้ศาลตัดสิน ๖๘ กรรม เพดานสูงสุด ๑๐ ปี ปัจจุบันอยู่ในเรือนจำมา ๑ เดือน ขณะนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ให้กลับคำพิพากษาใหม่โดยอ้างว่า 1>เงินที่รับไปเฉพาะครั้งแรกเท่านั้นเป็นฉ้อโกง อีก ๖๗ ครั้งที่เหลือไม่ใช่แต่เป็นคดีแพ่งเพราะได้รวมดอกเบี้ยไว้แล้วและได้โอนเงินให้จำเลยไปปล่อยต่อถือว่าโจทย์ได้มีการสละการครอบครองทรัพย์(เงิน)ไปแล้ว 2> โจทย์ไม่เคยสนใจว่าใครเป็นผู้กู้จำเลยรับเงินแล้วไปดำเนินการต่อจำเลยจึงต้องชำระเงินคืนอยู่แล้ว 3> หนังสือรับสภาพหนี้เป็นการแปลงหนี้ใหม่และได้รวมดอกเบี้ยไว้แล้วมูลหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 4>อีกทั้งยังไม่ใช่ผู้เสียหาย
คำถามคือ...... ๑. จำเลยสารภาพไปแล้วสามารถขอกลับคำให้การได้อีกหรือ ๒. ดิฉันควรสู้ต่ออย่างไรต่อดี ๓. ดิฉันมีสิทธิ์ชนะไหม
รบกวนอาจารย์ด้วยค่ะ
1. ถ้าจำเลยเคยสารภาพจริง ก็ย่อมเป็นช่องโหว่ในการฎีกาของจำเลย
2. เห็นจะต้องถามทนายความ
3. เดาไม่ถูกหรอก