ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    028864 ภาษีผลผลิตการเกษตรจุ๋ย26 มิถุนายน 2551

    คำถาม
    ภาษีผลผลิตการเกษตร

    เรียน  อ.มีชัย  ผมมีข้อสงสัยแล้วไม่รู้จะแก้ปัญหาเช่นไร

    เรื่องมีอยู่ว่า พ่อแม่ของผมมีอาชีพค้าขายยางแผ่นและเศษยางพาราโดยเป็นพ่อค้าคนกลางระหว่างชาวสวนกับโรงงานยางพาราชื่อดัง ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน

    พ่อแม่ผมค้าขายอยู่กับโรงงานนี้มาหลายปี โดยได้จ่ายภาษีแบบเหมาจ่าย ต่อมาเมื่อกลางปี2550 ปรากฎว่า ทางกรมสรรพากรได้แจ้งมาว่า พ่อแม่ของกระผมได้ค้างชำระภาษีเฉพาะปี2548 เป็นเงินเกือบสองล้านบาท เรื่องนี้ทำให้พ่อแม่ของผมนอนไม่หลับอยู่หลายเดือน ผมสงสารพ่อแม่ผมมาก แต่ผมก็ไม่รู้จะทำเช่นไร เนื่องจากผมก็ยังศึกษาอยู่ชั้นอุดมศึกษาเท่านั้น

    ผมมาทราบภายหลังว่าสาเหตุที่พ่อแม่ของผมต้องเสียภาษีมากมายขนาดนั้นเพราะ โรงงานได้ไปฟ้องภาษีกลับเป็นเงินกว่าร้อยล้านบาท เป็นเหตุให้ทางกรมสรรพากรไปขอหมายศาลเพื่อไปนำข้อมูลยอดค้าขายของบริษัท แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาเรียกเก็บภาษีจากลูกค้าของบริษัทโดยคิดอัตราภาษีร้อยละห้าจากรายได้(ทั้งจากกำไร ขาดทุนและต้นทุน)

    นั้นคือเป็นการคิดจากเงินที่หมุนเวียน ซึ่งในระยะเวลาสี่-ห้าปีที่ผ่านมาราคายางพาราสูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้องใช้ทุนมากขึ้นโดยได้ไปกู้เงินมาหมุ่นทั้งในระบบและนอกระบบซึ่งเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูง กำไรที่ได้ไม่ได้สูงตามราคาที่สูงขึ้น บางครั้งก็ได้ยินพ่อแม่บ่นว่า ไม่ได้อะไรเลย-เสมอตัว

    ผมมารู้อีกเรื่องหนึ่งคือ ชื่อพ่อแม่ของผม ถูกทางโรงงานนำไปจดทะเบียนว่าเป็นชาวสวน แทนที่จะเป็นลูกค้า ซึ่งพ่อแม่ของผมเพิ่งจะทราบเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับว่า/เหมือนกับว่าพ่อแม่ผมได้กำไรอย่างมากมาย แต่แท้ที่จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    ทางโรงงานเองก็ต้องเสียภาษีย้อนหลัง แต่จำนวนเงินที่เสียภาษีนั้นแค่เพียงสามแสนกว่าบาท เหตุที่เสียเท่านี้ผมเข้าใจว่าเขาอาจจะคิดมาจากกำไรสุทธิที่โรงงานได้ เป็นจุดที่น่าคิดว่าการเก็บภาษีช่างไม่ยุติธรรม ลดหย่อนก็ไม่ได้

    การที่เสียพ่อแม่ผมเสียภาษีมากมายขนาดนั้นทำให้การค้าขายถึงกับซะงัก เนื่องจากทุ่นที่จะนำมาหมุนเวียนน้อยลง ผมสังเกตดูพ่อแม่ ผมรู้สึกว่าพ่อแม่ผมท้อ พอผมไปถามแม่ว่าจะทำไงต่อไป จะหยุดดีไหม แม่ผมบอกว่าถ้าหยุดแล้วจะไปทำงานอะไร อายุก็มากแล้ว ภาษีก็ต้องชำระ ต้องทำงานใช้หนี้ภาษี ถ้าไม่ทำก็ไม่มีใช้ จะปล่อยให้ภาษีตกมาเป็นภาระของผมกับน้องต้องมาชดใช้ในอนาคตไม่ได้

    และแล้วพ่อแม่ของผมก็ต้องยอมจ่ายภาษีย้อนหลังของปี2548 เนื่องจากว่า หากไม่รีบเสีย ก็จะถูกเก็บเพิ่งเหมือนกับการเสียดอกเบี้ย

    ผมได้รู้จากพ่อทีหลังว่า แม่ของผมนอนร้องไห้ทุกคืน แล้วก็ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่มหาลัย(เทอมหนึ่งปีหนึ่ง) แม่ผมเป็นลมต้องไปเข้าโรงพยาบาล ซึ่งแม่ผมไม่เคยบอกผมเลย เขาคงกลัวว่าผมจะไม่สบายใจไม่มีสมาธิเรียน การที่แม่ผมป่วยทำให้ผมนึกถึงคำพูดของคนโบราณที่ว่า ภาษีเป็นโทษต่อคนขยัน แต่เป็นรางวัลของคนขี้เกียจ นี่คงจะเป็นจริง

    พอพ่อแม่ของผมรู้ว่าต้องภาษีเช่นนี้แล้ว พ่อแม่ผมก็พยายามปรับเปลี่ยนการค้าขาย พยายามทำกำไรเผื่อภาษี ซึ่งแน่นอนต้องซื้อในราคาที่ถูกกว่าผู้ค้ารายอื่น(เนื่องจากพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นลูกค้าบางโรงงานไม่ต้องเผื่อภาษี เนื่องจากทางโรงงานไม่ได้ถูกดำเนินการจากกรมสรรพากรดังเช่นโรงงานที่พ่อแม่ของผมค้าขายอยู่ด้วย) 

    เมื่อเดือนที่ผ่านมานี้ ผมกลับบ้าน ผมได้ยินมาว่าภาษีย้อนหลังของปี2549 มาอีกแล้ว ตอนนี้อยู่ในมือกรมสรรพากร รอวันจัดเก็บ ตอนนี้ปล่อยให้พวกพ่อค้าได้รักษาแผลจากภาษีปี2548ไปก่อน(เป็นเรื่องที่เพื่อนของพ่อแม่ซึ่งทำค้าขายยางพาราเช่นเดียวกันได้ทราบมาอย่างไม่เป็นทางการ) ซึ่งแน่นอนหากมีปี2549 ปี2550ก็ต้องย้อนมาอีก ซึ่งภาษีแต่ละปีนั้นมาก 

    ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ รู้สึกเป็นห่วงพ่อแม่ พ่อแม่ผมต้องคิดมากแน่นอน ช่วงหลังๆมานี้ผมเห็นพ่อแม่ผมทำงานหนักมากขึ้น ผมสงสารพ่อแม่

     

    ผมอยากถามว่า

    1)มีวิธีแก้ไขบ้างไหมเกี่ยวกับภาษีปี2549กับปี2550หากมี อาจารย์โปรดแนะนำผมด้วยครับ

    2)ภาษี่ก่อนหน้าปี2548จะถูกย้อนไหม  หากถูกย้อนมีวิธีแก้ไขบ้างไหมครับ(หากย้อนคงแย่แน่ๆ)

    3)เสียภาษีเช่นนี้แล้ว พ่อแม่ผมต้องเสียภาษีเงินได้อีกหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเอาจำนวนเงินที่ใช้หมุนไปใช้คิดอีก ต้องเสียในอัตราสูงมากอีก (แล้วครอบครัวผมจะเอาอะไรทาน ทำมาเสียภาษีหมด) หากเป็นดังที่ผมกล่าวจะมีหนทางใด้แก้ไขหรือไม่ อย่างไร

    โปรดตอบกระผมด้วยนะครับ

    ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

    คำตอบ

    1. ที่ผ่านไปแล้วคงแก้ไขยาก แต่ก็ควรไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่สรรพากรเพื่อขอลดหย่อน บางทีเขาก็มีคำแนะนำดี ๆ

    2. การที่เขาเรียกเก็บปี 2548 ก็น่าเชื่อว่าเขาคงตรวจสอบย้อนหลังกอนหน้านั้นมาแล้ว

    3. ทางที่ดีควรตั้งเป็นบริษัทจำกัด เพื่อจะได้หักค่าใช้จ่ายได้ และเสียภาษีแต่เฉพาะกำไร


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    26 มิถุนายน 2551