เรียนอาจารย์มีชัย
ผมมีปัญหาจะปรึกษาดังนี้ ผมได้ทำสัญญาเช่าอาคารหลังหนึ่งทำห้องเช่าโดยไม่ทราบมาก่อนว่าติดเจ้าของจำนองไว้กับธนาคารโดยในวันทำสัญญาได้ตกลงและจ่ายเงินมัดจำและเงินล่วงหน้าไว้ด้วย (300000 บาท)โดยทำสัญญา 3ปี พอครบปีก็ต่อสัญญาใหม่อีก 3 ปี โดยเงินมัดจำยังอยู่กับเจ้าของเท่าเดิม ผ่านพ้นไป 2ปีเจ้าของมาบอกผมว่าเขาถูกฟ้องล้มละลาย โดยมีหมายมาจากกรมบังคับคดี ผมได้ไปคุยกับ จพท.ถึงความเป็นมา จพท.แจ้งว่าต่อไปให้ผมมาชำระค่าเช่ากับ จพท.เอง และให้ผมยื่นเรื่องขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้ด้วย ผมก็บอกว่าผมขอเลิกสัญญาแล้วขอเงินมัดจำคืน จพท.บอกว่าต้องรอให้ขายทรัพย์ได้ก่อนแล้วถึงจะแบ่งเงินที่ขอเฉลี่ยทรัพย์ให้ ผมต่อรองว่าขอให้ผมเช่าโดยจะหักกับมัดจำที่ผมมีได้ใหม จพท.ก็ไม่ยอม เขาบอกว่าจะเช่าหรือไม่เช่าผมก็ต้องรอเงินจากการเฉลี่ยทรัพย์อยู่ดี ผมจึงเช่าต่อจนครบสัญญา โดยผมยังชำระค่าเช่าให้กรมบังคับคดีทุกเดือน เมื่อครบสัญญา จพท.แจ้งว่าถ้าจะเช่าต่อต้องทำสัญญาใหม่กับกรมฯ และทางกรมขอเก็บเงินมัดจำอีก 300000 บาท ผมต่อรองจนเหลือ 100000 บาท(โดยจะคืนให้เมื่อครบสัญญาไม่เกี่ยวกับเงินมัดจำก้อนแรก) จึงตกลงทำสัญญาต่อกับกรมฯ อีก 6 เดือน(พอครบสัญญาก็ต่อสัญญาเรื่อยมา)
ผมคิดดูแล้วการที่ผมขอเฉลี่ยทรัพย์ไปนั้น ผมอาจจะไม่ได้เงินคืนเลยแม้แต่บาทเดียว เนื่องจากยอดหนี้ของเจ้าของเดิมนั้นสูงกว่าทรัพย์ที่จะขายได้(ขายทอดตลาด) ผมมีทางออกทางไหนได้บ้างครับ (ผมมองไว้ 2 ทางคือ)
1 ผมเช่าอยู่เดือนละ 50000 บาท ปัจจุบันทางกรมเก็บค่าเช่าจากผมได้เกินกว่าเงินมัดจำที่ผมทำไว้กับทั้งเจ้าของเดิมและกับของกรมฯ(300000+100000)ผมจะขอเงินก้อนนี้ได้ใหมครับ (โดยจะรอให้ขายทรัพย์ได้ก่อนก็ยอม)
2 ผมจะหักดิบโดยไม่นำเงินค่าเช่าไปจ่าย จนครบจำนวนเงินมัดจำที่ผมมีแล้วก็ย้ายออกได้ใหมครับ
ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้ทางออกให้ด้วยครับ หรือมีหนทางอื่นอีกใหมครับ
เรียน ปู
1.ก็ต้องรอเฉลี่ยทรัพย์อย่างที่เจ้าพนักงานเขาบอกไว้นั่นแหละ
2. ในทางกฎหมายเจ้าพนักงานเขาก็ต้องฟ้องเรียกค่าเช่าคืนจากคณ แต่ในทางปฏิบัติถ้าหาตัวคุณไม่เจอ เขาอาจไม่ฟ้องก็ได้