เรียน คุณมีชัย
ดิฉัน ขอเล่ารายละเอียดเลยนะ เนื่องจากพี่สาวทำงานโรงแรมตำแหน่งพนักงานตอนรับส่วนหน้า ปี 2549 ได้มีลูกค้าขอจองห้องพัก ประมาณ 25 ห้องพี่สาวก็ได้ทำใบเสนอราคา และแจ้งเลขที่บัญชีของทางโรงแรมซึ่งเป็นธนาคารกสิกรไทย เพื่อโอนเงินมัดจำประมาณ 20000 บาท แต่อำเภอที่ทางลูกค้าอยู่ไม่มีธนาคารกสิกร ลูกค้าก็เลยถามพี่สาวว่ามีบัญชีของพี่สาวหรือไม่ พอดีพี่สาวมีปัญชีของกรุงไทย ลูกค้าก็เลยโอนเงินเข้าบัญชีของพี่สาวแทน ในวันที่ 05/10/2549 เพื่อโอนเงินค่ามัดจำค่ะ จากนั้น พี่สาว ก็ได้กดเงินจำนวนนี้ออกมาใช้จำนวนหนึ่ง วันที่ 20/10/2549 พนักงานแคชเชียร์เข้ามาถามพี่สาวว่าเงินมัดจำลูกค้ารายนี้โอนมาหรือยัง พี่สาวก็เลยนำเงินสด 20000 ไปให้แคชเชียร์โดยไม่ได้มีการเซ็นต์รับเงินแต่อย่างใด จากนั้นวันที่ 24/10/2549 ทางโรงแรมก็ไปแจ้งความว่า พี่สาวได้ยักยอกเงิน 20000 ไป และให้พี่สาวออกจากงานในวันที่ 25/10/2549 โดยไม่ได้ให้เซ็นต์เอกสาร การลาออก อีกทั้งทางพี่สาวก็ยังไม่ได้ค่าแรงตั้งแต่วันที่ 1-24 ด้วย โดยไล่ออกค่ะ จากนั้นทางโรงแรมได้ออกบิลเงินสดค่ามัดจำลูกค้ารายนี้ ในวันที่ 9/11/2549 และออกใบกำกับภาษ๊ค่าห้องอีก 20000 ในวันที่ 14/11/2549 คือวันที่ลูกค้าเช้คเอ้าค์ ค่ะ ค่าห้องทั้งหมดรวม 40000 บาทค่ะ จากนั้น วันที่ 9/06/2551 ได้มีหมายเรียกให้ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจค่ะ ขอรบกวนถามดังนี้ค่ะ
1. ถือว่าเป็นคดียักยอกทรัพย์ได้หรือไม่ค่ะ เพราะว่า พี่สาวได้คืนเงินแก่นายจ้างไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20/10/2549 แล้ว
2. เวลามันล่วงเลยมา ประมาณ ปี ครึ่ง คดี หมดอายุความหรือยังค่ะ เพราะหมายเรียกของตำรวจออกมาใหม่ในวันที่ 9/06/2551 ใหม่ แต่ นายจ้างได้แจ้งความไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 24/10/2549 ค่ะ
3. ขอคำแนะนำในการต่อสู้คดีค่ะ ว่า มีขั้นตอนอย่างไรค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
1 ตอนที่เอาเงินของเขาไปใช้บางส่วนนั่นแหละเป็นการยักยอกทรัพย์ ส่วนการเอาเงินไปคืนเขาในภายหลังนั้น ไม่มีผลให้ความผิดที่สำเร็จแล้วกลายเป็นไม่ผิดไปได้
2. ถ้าเขาได้แจ้งความไว้ภายในสามเดือน อายุความก็ยังไม่หมด
3. ควรปรึกษาทนายความ