มาตรา 391 + มาตรา 295 ซ้อนกัน
เรียนท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพอย่างสูง
ปลายปีที่แล้ว กระผมมีปากเสียงกับแม่ยาย ถึงขั้นกระชากแว่นจากหน้าแล้วขว้างทิ้ง ซึ่งทางแม่ยายได้ฟ้องตำรวจ โดยให้การว่าเป็นการตบหน้า แรกผมให้การปฏิเสธ อัยการสั่งฟ้องมาตรา 391 แต่ผมได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ให้ยอม 'รับสารภาพ' เสีย ให้เรื่องมันจบ ๆ พอไปถึงศาลผมก็ปฏิบัติตาม ศาลสั่งปรับ 1,000 บาท แต่เพราะสารภาพ จึงลดเหลือครึ่งหนึ่ง หรือ 500 บาท พร้อมกับระวางโทษจำคุก 10 วัน รอลงอาญา 1 ปี โดยศาลให้ความเห็นทางวาจาว่าอันที่จริงน่าจะเป็นมาตรา 295 ซึ่งแรงกว่า หลังจากกรณีนั้น ผมก็ย้ายออกจากบ้านแม่ยายโดยลำพัง และเมื่อภรรยาไม่มีทีท่าจะพาลูก 2 คนออกมาอยู่กับผมอย่างถาวร ผมจึงตัดสินใจแยกทางกับภรรยา และกำลังเจรจาขอหย่าโดยสันติวิธี
ไม่นานมานี้ หลังจากที่ได้แจ้งกับภรรยาว่าผมจะพยายามคบคนใหม่ ผมก็ได้เริ่มคบกับเพื่อนหญิงใหม่จริง อย่างห่าง ๆ พอดีแฟนเก่าของเพื่อนคนนี้เริ่มเข้ามาพัวพัน แม้จะยืนยันได้ว่าไม่ใช่ในลักษณะชู้สาว แต่ก็มีการย้ายเข้ามาอยู่ห้องเช่าในอาคารแฟลตเดียวกันกับที่ฝ่ายหญิงมีห้องเช่าอยู่ ซึ่งผมก็ขอร้องให้ฝ่ายหญิงตีตนออกห่าง หลายครั้งไม่สำเร็จ เมื่อราว ๆ 3 ทุ่มคืนวันหนึ่ง จึงไปหาฝ่ายหญิงที่แฟลต แต่แทนที่จะตรงไปยังห้องเธอ กลับตรงไปที่ห้องแฟนเก่าเขาแทน ตั้งใจจะชกหน้าเขาสักครั้ง ให้เขากลัวและตีจาก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผมควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แทนที่จะชกเตื่อน กลับปล่อยไปหลายหมัด แม้เขาลงไปอยู่ที่พื้นก็เตะซำด้วยอาการของคนป่าเถื่อน ไร้จรรยาธรรม จากนั้นผมก็กลับไปหาฝ่ายหญิงโดยมิได้ปริปาก แต่ยังไม่คลายโทสะ ฝ่ายชายจึงลงไปฟ้อง สรภ. และตั้งใจจะเรียกตำรวจ แต่แวะได้นำ รปภ. มาหาเพื่อนหญิงของผมที่ห่องเธอก่อน ฝ่ายหญิงจึงทราบความ แต่ด้วยความตกใจ เสียใจ และรู้สึกอับอาย ไม่ทราบจะทำอย่างไร จึงโทรหาบิดาของเธอ แม้เป็นเวลาที่ท่านคงเข้านอนแล้ว ฝ่ายบิดา ซึ่งชื่นชอบแฟนเก่าในฐานะเพื่อนที่ดีของบุตรสาว พิโรธรุนแรง โทรเรียกตำรวจและฟ้องเพื่อนนักการเมือง (ผู้ซึ่งรัก เอ็นดู และปราถนาดีต่อเพื่อนหญิงของกระผมคนนี้ ตั้งแต่เธอพ้นจากวัยเด็กและเริ่มเป็นหญิงสาว) พากำลังตำรวจมาบุกจับผมที่ห้องบุตรสาว ทั้งเธอและแฟนเก่าไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย แต่บิดาเธอยังกังวลว่าผมอาจจะเป็นอันตรายต่อเธอด้วย ยืนยันต้องไปแจ้งความที่โรงพัก ข้อหาบุกรุกยามวิกาลและทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ
ผมสารภาพในทุกข้อกล่าวหาโดยไม่มีเงื่อนไข พี่ ๆ ตำรวจรับฟังคำให้การด้วยความสุภาพ เห็นใจ แต่สรุปว่าอย่างไรเสีย กฏหมายก็ไม่เปิดช่องให้เราทำในสิ่งนั้น แม้สัญชาตญาณลูกผู้ชายจะต้องการก็ตามที จากนั้นตำรวจก็ปล่อยตัว และเมื่อได้รับข้อมูลทางแพทย์เกี่ยวกับอาการณ์การบาดเจ็บของแฟนเก่า จึงจะพาผมไปส่งตัวกับสำนักอัยการ
เรื่องที่เล่ามาค่อนข้างละเอียด แต่กระผมมีคำถามที่ค่อนข้างสั้น กล่าวคือ
ข้อ 1. มาตราที่ผมน่าจะโดนอัยการสั่งฟ้อง นอกจากมีมาตรา 295 ซึ่งร้ายแรงกว่ามาตรา 391อยู่แล้ว ยังจะมีมาตราใดอีก?
ข้อ 2. เนื่องจากผมกำลังอยู่ระหว่างรออาญาคดีมาตรา 391 เดิม อยู่เป็นฐาน ไม่ว่าในคดีใหม่นี้ผมจะถูกสั่งฟ้องด้วยมาตรา 391 มาตรา 295 หรือมาตราอืนใดก็ตาม ผมจะต้องจำคุกโดยอัตโนมัติหนือไม่ หรือศาลยังมีสิทธิพิจารณาลอลงอาญาซำอีก?
ข้อ 3. ในฐานะพนักงานองค์กรอิสระของรัฐ หากต้องจองจำจะต้องรายงานผู้ลังคับบัญชาหรือไม่ หรือสามารถใช้วันหยุดพักผ่อนประจำปี (หากมีจำนวนวันพอ) ได้ และเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นเหตุอันควรที่จะให้ผมต้องออกราชการหรือไม่? และท้ายที่สุด
ข้อ 4. นักการเมืองสามารถแทรกแซงสำนักอัยการ อาทิเพื่อให้สั่งฟ้องตัวกระผมในมาตราที่รุนแรง ได้หรือไม่ และในฐานะประชาชน กระผมพอจะมีวิธีสืบทราบอะไรได้เองหรือไม่ อย่างไร? (ข้อนี้มิสำคัญเท่าข้อ 1 - 3 เนื่องจากทางฝ่ายหญิงได้ยืนยันด้วยวาจากับกระผมเองว่านัการเมืองท่านนี้จะไม่ทำตัวเช่นนี้)
กระผมใคร่ของรบกวนเวลาท่านอาจารย์แต่เพียงเท่านี้ ขอกราบขอบพระคุณในความกรุณาของท่าน
ด้วยความเคารพอย่างสูง
(ขออนุญาตไม่เปิดเผยนาม) |