ฟ้องเงินกู้
เรียนท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพอย่างสูง
รบกวนท่านอาจารย์สักนิดนะครับ เมื่อปี 2546 มีเพื่อนบ้านมากู้เงินกับผม เป็นเงินจำนวน 120000 บาท ซึ่งทำสัญญากันไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งไม่ได้ระบุดอกเบี้ยและไม่ได้กำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ไว้ในสัญญา โดยทางลูกหนี้ได้นำโฉนดที่ดินมาค้ำประกันสัญญา แต่ตกลงกันด้วยคำพูดว่าลูกหนี้จะยอมเสียดอกเบี้ย ร้อยละ5ต่อเดือนและจ่ายดอกทุกเดือน ต่อมา1-3เดือนแรกลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยให้ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ แต่หลังจากนั้นลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ยและไม่มีท่าทีที่จะชำระหนี้ทั้งในส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยเลย
ต่อมาเมื่อปี 2549 ทางลูกหนี้ได้แจ้งต่อคณะกรรมการแก้ไขหนี้เงินกู้นอกระบบและทางคณะกรรมการแก้ไขหนี้เงินกู้นอกระบบได้ให้ผมและลูกหนี้ทำสัญญาประนอมหนี้โดยให้ลูกหนี้ชำระหนี้ซึ่งรวมเงินดอกและดอกเบี้ยที่พึงจะได้รับเป็นเงิน 150000 บาทซึ่งผมก็ยินยอมและลูกหนี้ก็ยินยอมกันทั้งสองฝ่ายและทำสัญญาประนอมตามที่คณะกรรมการแก้ไขหนี้เงินกู้นอกระบบระบุ
แต่หลังจากนั้นก็เหมือนเดิมลูกหนี้ก็เงียบไม่ยอมใช้หนี้ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยและเงินต้นเหมือนเดิม
ต่อมาเมื่อปี2550 ทางลูกหนี้มาขอโฉนดที่ดินที่นำมาค้ำประกันสัญญาคืน เพื่อนำโฉนดแบ่งมรดกกับญาติๆ ซึ่งทางเราก็เห็นใจก็ให้ยืมโฉนดไป โดยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเมื่อแบ่งมรดกเสร็จแล้วลูกหนี้จะนำเอาโฉนดส่วนที่เป็นของลูกหนี้มาให้ทางเราเหมือนเดิมหรือถ้าไม่นำโฉนดมาให้ก็ต้องน้ำเงินมาใช้หนี้ในจำนวน150000ตามสัญญาประนอมหนี้เมื่อปี2549 สัญญาระบุให้นำโฉนดมาคืนหรือใช้หนี้เป็นเงินตามที่ระบุภายในวันที่ 31 มีนาคม 2551
แต่แล้วก็เหมือนเดิมเมื่อลูกหนี้จัดการแบ่งมรดกเสร็จแล้วลูกหนี้ก็ไม่มีท่าทีที่จะนำทั้งโฉนดที่ดินหรือเงินมาใช้หนี้
ต่อมาได้มีการทวงถามหนี้ ลูกหนี้ขอใช้หนี้70000บาทก่อนส่วนที่เหลือจะค่อยทลอยให้ซึ่งผมคิดว่าถ้าใช้70000บาทก่อนส่วนที่เหลือก็คงไม่ได้เพราะดูแล้วลูกหนี้ไม่มีความจริงใจที่ใจใช้หนี้เลย แต่ว่าผมก็ใจดีอีกนั่นแหละเลยตกลงกันใหม่ว่าขอทั้งหมดเลยแล้วกันโดยทางผมลดหนี้ให้30000บาท จาก150000บาท เหลือ120000บาทเท่ากับเงินต้นที่ยืมไปเมื่อปี2546และทำสัญญาเงินกู้กันใหม่เป็นให้ใช้หนี้120000บาท
และล่าสุดที่น่าเจ็บใจอย่างยิ่ง ลูกหนี้นำโฉนดที่ดินดังกล่าวไปกู้เงินจาก ธกส. ได้เงินมา160000บาท แต่เอามาใช้หนี้ผม 70000 ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้เลย แล้วบอกว่าส่วนที่เหลือจะทยอยให้ทุกปี ซึ่งผมก็รับเงินมาก่อน (ผมค่อนข้างไม่มั่นใจแล้วว่าเงินส่วนที่เหลือผมจะได้รับคืนหรือป่าวเพราะขนาดมีเงินแล้วลูกหนี้ยังไม่ชดใช้หนี้ให้หมดทีเดียว)
ผมเลยตกลงกับทางลูกหนี้ว่าส่วนที่เหลือใช้ให้หมดภายในสิ้นปีนี้แล้วกัน(2551)
แต่ลูกหนี้ไม่ยอม บอกแต่ว่าจะชดใช้ปีละหมื่นสองหมื่น ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือเลย ดังนั้นผมเลยบอกยืนยันคำเดิมว่าก่อนสิ้นปีให้นำเงินมาใช้หนี้ให้หมดไม่งั้นผมจะฟ้องศาล แต่ลูกหนี้ไม่ได้มีท่าทีกลัวที่จะขึ้นศาลเลยแถมยังท้าให้ไปฟ้องศาลอีก ซึ่งปฎิกิริยาของลูกหนี้แข็งกร้าวมากประมาณว่าฟ้องศาลแล้วแล้วทำไมถ้าไม่มีเงินใช้หนี้แล้วศาลจะทำไม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บใจจิ๊ดมากๆ
ที่กล่าวมาทั้งหมดผมใจดีเกินไปจนเป็นคนโง่มากๆ มีโฉนดค้ำประกันก็ให้เค้าไปคืนด้วยความเชื่อใจ หนี้ก็ลดให้เอาแต่ทุน เงินทุน120000บาท 6ปี ดอกเบี้ยก็ไม่คิด ทุนก็ยังไม่ได้เลยผมมันช่างโง่จริงๆ
ขอสอบถามอาจารย์มีชัย นะครับว่ากรณีอย่างนี้ถ้าผมจะฟ้องลูกหนี้และคิดดอกเบี้ยทั้งหมดตามกฎหมายจะได้ไหมครับ มันจะขัดกับสัญญาฉบับล่าสุดหรือไม่ซึ่งตกลงกันว่าจะไม่คิดดอกเบี้ยถ้านำเงินต้นมาคืนทั้งหมด แต่ลูกหนี้เองก็ไม่ได้ปฎิบัติตามสัญญาเลย
และถ้าฟ้องศาลแล้วลูกหนี้บอกไม่มีเงินที่จะใช้หนี้ ถ้าศาลให้ประนอมหนี้โดยผ่อนจ่ายเป็นเดือนแต่ถ้าลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายตามที่ศาลระบุในสัญญาประนอมหนี้(ซึ่งท่าทางจะเป็นอย่างนั้น)ผมจะสามารถยึดที่ดินที่เคยนำมาค้ำประกันสัญญาไว้ตั้งแต่ตอนแรกได้ไหม แต่ตอนนี้โฉนดดังกล่าวลูกหนี้นำไปกู้เงินกับ ธกส แล้ว
ขอบคุณครับ |