เคยซื้อที่ดินว่างเปล่า1แปลงผ่อนส่งธนาคาร ที่ 1อยู่ระหว่างสมรสแล้วขาดส่งขึ้นศาลยอมให้ขายทอดตลาดไปแล้วเกือบ10ปีขณะนี้มีหมายศาลมายึดบ้านและทีดินซื้อระหว่างมีสถานะสมรส(ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระกับธนาคารที่2และมียอดหนี้สูงเท่ากับราคาประเมินของธนาคารที่1
คือประมาณ550,000 บาท) จึงไปขอประนอมหนี้กับธนาคารที่1ปรากฎว่าเป็นเงินต้นและดอกหลังจากขายทอดตลาดที่ดินแล้วมากไม่สามารถจะหาเงินจ่ายได้และ(ธนาคารให้ชำระเป็นเงินสดครั้งเดียวไม่มีการผ่อนชำระ)เพราะมีภาระส่งบุตรเรียน 2 คนค่าใช้จ่ายไม่ค่อยพอ เงินเดือนติดลบตลอด มีหนี้ที่สถาบันการเงินพอควรแต่ไม่เคยเป็นหนี้เสีย
1.เรียนถามว่าคดีแพ่งจากการถูกยึดทรัพย์บ้านและที่ดินครั้งใหม่มีอายุความนานเท่าไรเพราะ
2.ขณะนี้หย่ากันแล้วสามียกบ้านที่ผ่อนกับธนาคารที่2ให้อยู่ต่อแต่ให้ส่งเองเรียนถามว่าดิฉันต้องใช้หนี้สินให้ธนาคารที่ 1 ฝ่ายเดียวหรือไม่
คนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างคุณนี่แหละ ไปกู้เงินเขามาแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบของธนาคาร เวลาผิดนัดไม่ชำระหนี้เขา ดอกเบี้ยที่เคยคิดไม่แพงก็จะเปลี่ยนเป็นแพงมากขึ้น และหลังจากนั้นเมื่อนำเงินไปชำระหนี้ หรือขายทรัพย์สินได้แล้ว เขาก็จะนำเงินนั้นไปชำระดอกเบี้ยก่อน เพราะเงินที่เป็นดอกเบี้ยไม่สามารถเรียกดอกเบี้ยได้อีก ส่วนเงินต้นนั้นสามารถเรียกดอกเบี้ยได้ตลอดไป เมื่อเวลาที่เขามายึดทรัพย์สินที่เป็นประกันไปขาย คนส่วนใหญ่ก็นึกโล่งใจ ว่าขาย ๆ ไปจะได้หมดหนี้สินกัน ซึ่งความจริงไม่ใช่เป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อขายได้แล้วเขาก็นำไปชำระดอกเบี้ย อย่างที่ว่ามา ส่วนใหญ่ก็ชำระดอกเบี้ยไปหมดบ้างไม่หมดบ้าง หรือบางทีก็ชำระดอกเบี้ยหมดเหลือเงิสนชำระเงินต้นได้นิดหน่อย ที่เหลือก็เริ่มผลิตดอกเบี้ยขึ้นใหม่ แล้วในที่สุดเมื่อดอกพอกหางหมูมากขึ้น เขาก็ฟ้อง และถ้าหนี้นั้นถึงล้านบาท เขาก็ฟ้องล้มละลาย
1. อายุความ 10 ปี นับแต่วันที่ศาลตัดสิน
2. ในระหว่างคุณกับสามี ก็คงต้องผ่อนส่งเอง แต่สำหรับกับธนาคาร ถ้าคุณไม่มีชำระเขาก็เรียกเอาจากอีกคนหนึ่ง หรือฟ้องทั้งสองคน