ขอเรียนถามท่านอาจารย์ ดังนี้

ด้วยหลานผมอยากจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี   แต่ไม่แน่ใจ คูณสมบัติ  เพราะเคยถูกต้องคำพิพากษาศาลจำคุก 2 ปี แต่โทษรอลงอาญาไว้ ก่อน

ซึ่งเป็นคดีอาญาในข้อหาให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ กกต. จังหวัด จำนวนเงิน 50000 บ.เพื่นให้ทาง กกต.ช่วยเหลือรับรองผลการเลีอกตั้งนายก อบต. ซึ่งหลานผมได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี ผมได้อ่านกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น ในมาตรา 45

แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิน หรือ ผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ2545 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2)พ.ศ.2546 ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามที่มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นไว้ดังนี้

(5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไป และได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำอันโดยประมาท

(6) ต้องคำภิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่  โดยได้พ้นโทษ หรือต้องคำพิพากษามายังไม่ถึงห้าปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี

อาจารย์ครับ ผมอ่านกฎหมายสองข้อนี้ก็คิดว่าลงสมัครไม่ได้  และผมก็ติดใจตรงท้ายข้อหกที่ว่า ***แล้วแต่กรณี*****ผมไม่เข้าใจจริงจริง ช่วยขยายความยกตัวอย่างให้หน่อย หลานผมมีหนังสือไปหารือ กกต.จังหวัด ก็บอกว่าสมัครได้ และยกตัวอย่าง คูณเนวิน คุณสมัคร ย้งลงได้ เพราะว่าไม่ได้ติดคุกจริง แต่ผมก็ถามฝ่ายกฎหมายบางท่านก็บอกว่าสมัครไม่ได้ขาดคณสมบัติ ผมสงสารหลานจนนอนแทบไม่หลับ ไม่รู้จะเชื่อใครดี  ไม่อยากให้หลานเสียเงินฟรี โดนเขาหลอกซำๆ อีก  จะถาม กกต.กลางก็ไม่รู้จะถามที่ไหน ถึงถามเขาก็คิดว่าเขาคงไม่ตอบ

  ท้ายนี้ผมขอขอบคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง

ต้องย้อนกลับไปดูตอนถูกลงโทษว่าเขาถูกลงโทษตามกฎหมายอะไร ถ้าถูกลงโทษตามกฎหมายอาญา เขาก็สมัครได้ เพราะไม่ได้ถูกลงโทษจำคุกจริง (รอลงอาญา)  แต่ถ้าถูกลงโทษตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น เขาก็จะสมัครไม่ได้ เพราะกรณีตาม (๖) นั้น แม้จะไม่ได้ถูกจำคุกจริง ก็ยังต้องห้าม  ส่วนคำว่า "แล้วแต่กรณี"  หมายความ ในกรณีที่ถูกลงโทษจำคุก ก็ต้องรอจนกว่าจะพ้นห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีการรอลงอาญา ก็

ค้องรอจนกว่าจะครบห้าปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา