ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    028191 ขอให้ท่านออกความเห็นเกี่ยวกับคำตอบของอัยการพลชัย21 พฤษภาคม 2551

    คำถาม
    ขอให้ท่านออกความเห็นเกี่ยวกับคำตอบของอัยการ

    กราบเรียนท่านอ. มีชัย ฟชุพันธุ์

    กระผมได้ถามข้อกฎหมายไปยังอัยการเจ้าของคดีที่เกิดขึ้นจริงที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการ เพราะอยากทราบความคืบหน้าของคดีดังกล่าว และได้คำตอบดังต่อไปนี้ ดูเหมือนว่าอาจจะฟ้องอาญาไม่ได้

    ความคิดเห็นที่ : 1

    ฎีกาฉบับดังกล่าวนี้ ไม่ทราบจะเทียบเคียงคดีดังต่อไปนี้ได้หรือไม่
    ฎีกาที่ 609/2529 การกระทำใดเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหรือไม มิได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง แต่ถือเอาเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนเป็นข้อสำคัญ
    คดีมีอยู่ว่า

    ดิฉันได้ฝากเงินกับกลุ่มออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นในหมู่บ้าน แต่ไม่ได้จดทะเบียน โดยมีกรรมการ ๕ คน มีสมาชิก ๓๐๐ คนโดยกรรมการโฆษณาว่าให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๒ ต่อเดือนโดยเขากล่าวว่าจะนำเงินไปปล่อยกู้ให้สมาชิกร้อยละ ๓ กระผมฝากเงินมา ๒ ปีได้รับดอกเบี้ยตามที่เขาบอกโดยได้รับดอกเบี้ยปีละครั้ง พอปีที่ ๓ เริ่มมีการขาดสภาพคล่อง โดยผู้ฝากเงินทราบว่าเงินส่วนมาก กรรมการนำไปแบ่งกันแล้วทำสัญญากู้ปลอมในนามของญาติพี่น้อง กรรมการบางคนทำสมุดฝากปลอมในนามญาติพี่น้อง แล้วมาถอนเงินไป และทราบภายหลังว่าเงินที่กรรมการนำมาจ่ายดอกเบี้ยนั้น กรรมการเอาจากเงินฝากของเดือนก่อนจ่ายดอกเบี้ย (หมายถึงในเดือนนั้นห้ามสมาชิกกู้ ห้ามสมาชิกถอน กรรมการจะนำเงินดังกล่าวไปจ่ายดอกเบี้ยในเดือนหน้า ) คือทำแบบลูกโซ่ ผู้ฝากเงินจึงไม่มีใครฝากเงินเพิ่ม เป็นผลให้กรรมการไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย บัดนี้ยังถอนเงินต้นไม่ได้ โดยกรรมการอ้างว่านำเงินไปปล่อยกู้แล้วเกิดหนี้สูญ ผู้กู้ไม่ยอมชำระ ทางผู้ฝากขอเอกสารหลักฐานการดำเนินการก็บอกว่าหายไปแล้ว เผาไปแล้ว หนูกัดบ้าง อันที่จริงเขาไม่ได้ทำบัญชีอะไรเลย ตอนนี้ผู้ฝากมีแต่หลักฐานคือ สมุดฝากเงินเท่านั้น อยากทราบว่าจะฟ้องกรรมการในข้อหาฉ้อโกงประชาชนได้หรือไม่



    การทีกรรมการในกลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวปิดบังความจริง ไม่สามารถเอาเอกสารมาแสดง อ้างว่าเผาทำลาย สูญหายไปแล้ว ซึ่งควรบอกหรือชี้แจงให้ผู้ฝากเงินทราบของที่มาที่ไปหรือชี้แจงผลการดำเนินงานได้ จะถือว่าคดีดังกล่าวจะเข้าหรือเทีบยเคียงกับฎีกาที่ 609/2529 ได้หรือไม่

    โดย : สมจิตร [ 2008-05-16 09:09:14 ] 125.24.208.196 DELETE

    ความคิดเห็นที่ : 2

    ตอบคำถามที่ 00004 และ 00005 ของคุณสมจิตร
    การดำเนินกิจกรรมกลุ่มออมทรัพย์ในหมู่บ้าน เป็นกิจกรรมร่วมกันของสมาชิก มีชาวบ้านฝากเงินให้กลุ่มออมทรัพย์ และมีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกเลือก กรรมการจำนวนหนึ่งเป็นผู้บริหารเงินฝากของกลุ่มออมทรัพย์
    เมื่อสมาชิกมาฝากเงินก็ทำบัญชีไว้เป็นหลักฐาน พร้อมให้ดอกเบี้ยตามระเบียบของกลุ่มออมทรัพย์ส่วนเงินฝากก็พิจารณาปล่อยให้สมาชิกกู้ยืมไป การดำเนินงานคล้ายกับธนาคารพาณิชย์
    เมื่อมีปัญหาขาดสภาพคล่องในหลายกลุ่มออมทรัพย์ นั้น เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่นผู้กู้ไม่ชำระหนี้ เรียกภาษาทั่วไปว่าหนี้เสีย อาจมิใช่เกิดจากการทุจริตของกรรมการกลุ่มออมทรัพย์
    ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบบัญชี เอกสารหลักฐานต่างๆ ของกลุ่มออมทรัพย์ จึงทราบว่าปัญหา เกิดจากสาเหตุใด

    ส่วนปัญหาที่ท่านถามมาอาจตอบได้ดังนี้
    1. จะฟ้องกรรมการในข้อหาฉ้อโกงประชาชนได้หรือไม่
    ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 มีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นองค์ประกอบ ซึ่งการกระทำอันเป็นองค์ประกอบสำคัญ ของความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 คือการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และการกระทำดังกล่าวผู้กระทำจะต้องมีเจตนามาตั้งแต่ต้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคหนึ่ง
    ตามข้อเท็จจริงได้ความว่า ท่านพร้อมด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ได้รับดอกเบี้ยตามที่ได้ตกลงกันไว้ตลอดระยะเวลา 2 ปี ต่อมาในปีที่ 3 กลุ่มออมทรัพย์ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนทำให้ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้กับสมาชิก และสมาชิกไม่สามารถถอนเงินต้นได้นั้น พฤติการณ์ยังฟังไม่ได้โดยแน่ชัดว่ากรรมการทั้ง 5 คน มีเจตนาหลอกลวงท่านและสมาชิกมาตั้งแต่ต้น ยังไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341 จึงยังไม่อาจฟ้องกรรมการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 343

    2. ข้อเท็จจริงดังท่านกล่าวมาจะเข้าหรือเทียบเคียงฎีกาที่ 609/2529 ได้หรือไม่
    การที่กรรมการปิดบังข้อเท็จจริง ไม่สามารถเอาเอกสารมาแสดง โดยอ้างว่าเผาทำลาย สูญหายไปแล้ว หรือหนูกัดบ้าง ไม่สามารถชี้แจงผลการดำเนินงานได้ เป็นข้ออ้างของกรรมการฝ่ายเดียวโดยยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ลักษณะเป็นการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสของกรรมการ ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต่างจาก ฎีกาที่ 609/2509 กล่าวคือ
    ฎีกาที่ 609/2509 ข้อเท็จจริงเป็นกรณีที่ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงประชาชน
    จำเลยให้การปฏิเสธ
    ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 343 (ฐานฉ้อโกงประชาชน)
    จำเลยอุทธรณ์
    ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 341 (ฐานฉ้อโกง)
    โจทก์ ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 343
    ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าในการวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 หรือไม่นั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายในคดีนี้เป็นรายบุคคล ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น มิได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อยเป็นเกณฑ์ แต่ถือเอาเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนเป็นข้อสำคัญ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 นั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
    พิพากษายืน
    กรณีตามฎีกาดังกล่าวจึงนำมาใช้หรือเทียบเคียงกับกรณีตามคำถามไม่ได้ ข้อเท็จจริงต่างกัน

    คำตอบ
    ตอบปัญหาที่คนเขาเดือดร้อนจริง ๆ ก็ไม่ไหวอยู่แล้ว (ถ้าไม่รู้ว่าหนักแค่ไหน  ว่าง ๆ ก็ลองอ่านคำถามคำตอบที่มีมาแต่ละวันดูก็คงจะรู้ ลองอ่านเฉย ๆ โดยไม่ต้องคิดจะตอบเองติดต่อกันสักสิบวันก็คงรู้ได้ว่าจะทนได้แค่ไหน) คงไม่มีเวลาถึงกับจะลงไปวิจารณ์หรือวิเคราะห์ความเห็นของคนอื่นได้หรอก
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    21 พฤษภาคม 2551