เรียนถามท่านอาจารย์มีชัย
ดิฉันประกอบอาชีพค้าขาย วันหนึ่งนาง ก ซึ่งคนรู้จักมาขอยืมเงินและนำโฉนดที่ดินมาไว้เป็นหลักประกัน(โฉนดนี้เป็นของสามีที่แม่สามีมอบให้แต่ชื่อในโฉนดยังเป็นชื่อของพี่ชายสามีเขา) 2,000 บาท ไม่ได้มีการทำสัญญาใดๆไว้เลย ดิฉันไคยเห็นที่ดินผืนนั้นและไม่เคยทำประโยชน์ใด ๆเลย เวลาผ่านไปประมาณ 5 ปี นาง ก มาติดต่อขอยืมเงินเพิ่มอีก 3000 บาท และจะนำที่ดินนี้ไปขาย จึงไปติดต่อขอให้พี่ชายสามีโอนให้ แต่ปรากฏว่าพี่ชายสามีไปติดต่อกับตำรวจ ทางตำรวจเชิญดิฉันไปถามให้นำโฉนดไปคืนเขา ดิฉันก็บอกว่าโฉนดนั้น นาง ก ได้เอาไปคืนแล้ว ตำรวจบอกว่าทำอย่างนั้นได้อย่างไรเดี๋ยวจะเป็นเรื่องมากกว่านี้ จากนั้นอีก 1 เดือน ดิฉันได้รับหนังสือจากตำรวจอีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นความอาญาระหว่าง เจ้าของโฉนดและดิฉัน โดยกล่าวหาว่าดิฉันรับจำนองโฉนดที่ดิน ที่คนร้ายขโมยของเขามา ดิฉันต้องไปพบตำรวจเป็นผู้ต้องหา ดิฉันอยากทราบว่า ดิฉันมีความผิดมากไหม และจะทำอย่างไร เหมือนกับตำรวจจะพยายามให้ดิฉันมีความผิดในการรับของโจร แต่ทำไมเขาไม่แจ้งจับ นาง ก ซึ่งเป็น น้องสะใภ้ของเขา ดิฉันต้องการคำตอบเพื่อไปต่อสู้คดีความและขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้า
ผู้ถูกคุกคาม
เรียน ผู้รอคอยความหวัง
ทางที่ดีคุณควรแจ้งความกับตำรวจว่าคุณถูกนาง ก.ฉ้อโกง โดยหลอกเอาเงินไปโดยนำโฉนดมาไว้แล้วก็มาเอาคืนไป โดยอ้างว่าตนมีสิทธิในที่ดินนั้น สำหรับในส่วนที่คุณรับโฉนดไว้นั้น คุณไม่น่าจะผิดฐานรับของโจร เพราะคุณเองก็เป็นผู้เสียหายคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวกับสวัสดิภาพและเสรีภาพของคุณ จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรหาทนายความไปสู้ความให้ตั้งแต่ในชั้นตำรวจ