เรียน อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ครับ

          ผมอ่าน มาตรา 147 จนละเอียดแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีเลยอยากจะถามแบบฟันธงตรงๆนะครับ

          ผมซื้อบ้านจากการขายทอดตลาดแล้ว ในการซื้อระบุว่าบ้านพักอาศัยพร้อมที่ดินหลังจากซื้อแล้วแต่ยังไม่ได้เข้าไปอยู่  มีเจ้าของเดิม(ให้พี่ชายเขา)มาถอดก๊อกน้ำและปั๊มน้ำออกไป  ตอนไม่มีใครอยู่  ผมไปแจ้งความว่าถูกลักทรัพย์ แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง   อ้างว่าทรัพย์ไม่ได้เป็นส่วนควบของบ้านที่ซื้อ   เจ้าของเดิมแกะเอาไปได้ไม่ผิด      แต่ผมว่ามันน่าจะเป็น"อุปกรณ์ทรัพย์"ตำรวจก็งง  ผมก็งง

           ปั๊มน้ำและก๊อกน้ำนี้เจ้าของบ้านเดิมได้ใช้ประโยนช์ปรกติมาโดยตลอดโดยใช้ดูดน้ำจากบ่อน้ำมาใช้สอยภายในบ้าน  ปั๊มน้ำก็ต่อท่อน้ำติดตรึงกับตัวบ้านด้วย   ถ้าถอดปั๊มออกบ้านก็ไม่มีน้ำใช้   ปั๊มอยู่ใต้ชายคาบ้านด้วย

      ขอรบกวนถามท่านมีชัยว่า

1.ปั๊มน้ำนี้เป็นทรัพย์ที่ผมมีสิทธิ์ได้พร้อมกับบ้านด้วยหรือไม่ ( ทรัพย์ประกาศขายทอดตลาดไม่มีใครซื้อมา2ปีไม่ยักจะมาเอาไป  พอมีผมมาซื้อดันมาถอดออกไปเฉย)  เพราะเขาเคยเห็นผมและคงไม่กลัวผม  เลยกล้าข่มเหง   (บ้านไม่มีรั้วบ้าน)

2.ถ้าตามกฏหมายผมมีสิทธิ์แจ้งความได้ใหมครับว่าลักทรัพย์  ถ้าตำรวจไม่รับแจ้งให้ไปแจ้งที่ใหนครับ

3.ถ้าปั๊มน้ำไม่ผิด  แล้วก๊อกน้ำละครับผิดใหม ก๊อกอยู่ติดตัวบ้านด้านนอกใช้ซักล้าง  หลายอันเอาไปหมดเลย 

   ความจริงราคาก็ไม่เท่าไหร   แต่อยากจะทราบข้อกฏหมายเพื่อไว้เป็นบรรทัดฐาน     และคนที่มาถอดเป็นคนนิสัยไม่ค่อยดีด้วยอยากให้หราบจำ 

         ท้ายนี้  ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง   และขอให้อาจารย์มีความสุข  สุขภาพแข็งแรงตลอดไปครับ 

1. ปั๊มน้ำอาจไม่ใช่อุปกรณ์ของบ้านก็ได้ แต่ก๊อกน้ำน่าจะใช่

2. ถ้าตำรวจเห็นเป็นอย่างหนึ่งซึ่งไม่ตรงกับที่คุณเห็น คุณก็อาจไปฟ้องเป็นคดีอาญาหรือคดีแพ่งได้เองอยู่แล้ว

     บางทีคนที่เขาเป็นเจ้าของเดิมอาจไม่ใช่คนเลวร้ายหรือนิสัยไม่ดีอย่างที่น่าจะเป็นหรอก  ถ้าลองคิดดูว่าเขาหมดเนื้อหมดตัวแม้แต่บ้านช่องก็ถูกขายทอดตลาด และราคาที่ขายทอดตลาดส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ อะไรที่เขานึกเอาว่าเป็นของเขาที่เขาพอจะหยิบฉวยไปได้ เขาก็คงหยิบฉวยไปในยามยาก ความเข้าใจของเขาอาจจะผิด แต่ก็คงไม่ใช่เป็นสันดานร้าย ถ้าคิดในแง่นี้ได้ บางทีความคับแค้นแน่นอกก็อาจจางลงไป ทำให้ชีวิตมีความสุขและสงบมากขึ้น

    อนึ่งคำถามที่ถาม ๆ กันมานั้น ไม่สามารถตอบแบบฟันธงได้หรอก เพราะส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ผู้ถามมักจะบอกแต่บางส่วน ถ้าข้อเท้จจริงเปลี่ยนไปแม้เพียงเล็กน้อย คำตอบก็อาจต้องเปลี่ยนไปด้วย  ส่วนใหญ่คำตอบจึงเป็นการตอบถึง "ความน่าจะเป็น" เพื่อให้เป็นแนวทางในการไปดำเนินการต่อไปเท่านั้น เพราะถึงขั้นสุดท้าย ศาลเท่านั้นจึงจะมีอำนาจฟันธง จะฟันให้กระจุยอย่างไรก็ได้