เรียน อาจารย์ มีชัย
เรื่อง มีผู้บุกรุกทางสาธารณะประโยชน์ ด้วยข้าพเจ้าร้องทุกข์ต่อนายอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรณีมีผู้บุกรุกทางสาธารณะประโยชน์ ซึ่ง จดทะเบียนกับที่ดินจังหวัดไว้แล้ว หมู่ที่ 2 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.อยุธยา ก่อสร้างแท่งปูนเสริมเหล็กขนาดสูง 60 เซนติเมตร กว้าง 50 เซนติเมตร ในทางสาธารณะประโยชน์ ทำให้ข้าพเจ้าได้รับความเดือดร้อน ข้าพเจ้าขอให้อำเภอตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาตัวผู้กระทำผิดมารื้อถอนออกไป ต่อมาเมื่อ วันที่ 18 เมษายน 2551 ปลัดอำเภอและที่ดินอำเภอได้มาดำเนินการ ณ สถานที่เกิดเหตุหาตัวผู้กระทำผิดได้ และบันทึกข้อตกลง ระหว่างผู้บุกรุกกับข้าพเจ้าว่าผู้บุกรุกจะรื้อถอนแท่งปูนบริเวณแถบหน้าบ้านออกไปทั้งหมด( 15 ต้น) สำหรับสิ่งกรีดขวางอื่นใดไม่ขอรับผิดชอบ และจะไม่เอาความผิด ไม่ดำเนินการต่อไป บัดนี้ได้รื้อถอนแท่งปูนออกไปแล้ว ยังเหลือศาลพระภูมิขนาดใหญ่และแท้งน้ำบาดาล ตั้งอยู่ในทางสาธารณะประโยชน์ผืนเดียวกันซึ่งก็ยังทำให้ข้าพเจ้าไม่สะดวกในการเข้าออกบริเวณหน้าบ้านเพราะยังติดศาลพระภูมิอยู่อีก (ครั้งแรกข้าพเจ้าไม่ได้ร้องทุกข์กรณีแท้งน้ำบาดาลและศาลพระภูมิขนาดใหญ่)
คำถาม 1 ข้าพเจ้าจะร้องทุกข์กรณีแท้งน้ำบาดาลและศาลพระภูมิ ตั้งอยู่ในทาง สาธารณะ ต่อไปอีกได้หรือไม่
2 พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทราบแล้วว่ายังมีสิ่งกรีดขวางในทางสาธารณะประโยชน์หลงเหลืออยู่ แล้วไม่ดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการรื้อถอนให้เสร็จสิ้น ถือว่าละเว้นไม่ปฎิบัติหน้าที่ หรือไม่ และทำให้รัฐเสียหายหรือไม่
3 ศาลพระภูมิและแท้งน้ำบาดาลตั้งอยู่ในทางสาธารณะประโยชน์ ตั้งมาก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาซื้อบ้านอยู่อาศัย จะจัดเข้าข่ายถือเป็นภาระจำยอมตามกฎหมายหรือไม่
4 แท้งน้ำบาดาลและบ่อน้ำบาดาลที่มีอยู่ เมื่อมีน้ำประปาเข้าถึงหมู่บ้านแล้ว จะต้องรื้อถอนบ่อบาดาลออกหรือไม่
5 พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ รู้ตัวผู้บุกรุกทางสาธารณะประโยชน์แล้ว ไม่เอาความผิดได้หรือไม่
เรียน คุณกาญจนา
1. ร้องได้ อีกกี่หนก็ได้
2. เมื่อไม่มีใครร้องเขาก็คงไม่รู้ว่าสิ่งปลูกสร้างนั้นเกิดจากการบุกรุก
3. ไม่
4. ก็สุดแต่คณะกรรมการหมู่บ้านจะตกลงกัน
5. การดำเนินการทางกฎหมายกับคนในหมู่บ้านรังแต่จะก่อให้เกิดความไม่สุขสงบ เขาก็คงไม่อยากทำ เพราะหากทำกันต่อไปจริง ๆ คุณก็อาจจะอยู่ลำบาก