เรียน ท่านมีชัย
ดิฉันของเรียนถามนะคะ ว่าดิฉันกับสามีได้แยกกันอยู่เป็นเวลาเกือบ 2 ปี แล้วโดยที่เขาเองไม่กลับบ้านมาเยี่ยมเยือนเลยจะส่งเงินมาให้เราบ้างเป็นบางเดือน 1 ปี จะส่งมาบ้างสัก 2 ครั้ง โดยเขาอ้างว่าเราเองก็มีงานทำ ซึ่งดิฉันเองก็ไม่ได้เดือดร้อนและหาเลี้ยงตัวเอง หากเป็นอย่างนี้แล้วดิฉันควรทำอย่างไรคะ หากดิฉันจะฟ้องหย่าจะฟ้องได้ในกรณีไหนคะ เนื่องจากดิฉันกับสามีเคยคุยกันแล้วเรื่องหย่า แต่สามีไม่ต้องการหย่า โดยบอกว่าไม่มีเหตุผลในการหย่า
1. ดิฉันกับสามีไม่มีบุตรด้วยกันค่ะ และแต่งงานกันมา 10 ปีแล้วค่ะ
2. เมื่อหลายปีก่อนสามีดิฉันนำเงิน 150,000 บาทไปให้น้องชายของเขา โดยน้องชายของเขาเองบอกว่าจะโอนรถยนต์ให้ เป็นการแลกกันโดยไม่ต้องคืน ซึ่งต่อมาเขาก็ยังไม่เคยโอนรถยนต์ให้เลย พอดิฉันทวงถามสามีก็บอกว่ากลัวว่าเขากับน้องเขาจะโกงเหรอ ดิฉันก็ไว้ใจไม่ถามต่อจนปัจจุบันนี้ทั้งเขาและน้องเขาก็ไม่ให้เงินคืนดิฉันเลย และรถยนต์ก็ยังคงเป็นชื่อน้องเขาเหมือนเดิม (เงินจำนวน 150,000 นั้นดิฉันกู้เงินสหกรณ์ให้เขาด้วยนะคะ ดิฉันเป็นคนจ่ายดอกเบี้ยเองด้วย) แล้วในกรณีอย่างนี้ เมื่อมีการหย่าเกิดขึ้นดิฉันจะสามารถดำเนินการได้อย่างไรค่ะ เพราะเงินจำนวนนี้ทั้งครอบครัวของสามีรับรู้ทุกคนว่าน้องชายจะต้องโอนรถยนต์ให้ดิฉันกับสามีเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน
3. หากมีการฟ้องหย่าดิฉันสามารถที่จะเรียกเงินจำนวนนี้คืนหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันนี้รถยนต์คันดังกล่าวอยู่กับสามี ซึ่งดิฉันไม่เคยได้ใช้รถยนต์เลย และดิฉันเองก็เคยพูดเรื่องนี้กับสามีแล้วเหมือนกันว่าจะขอแค่เงินจำนวนนี้คืนเนื่องจากเป็นเงินของดิฉันเอง โดยเขากับรับรู้และยอมรับ แต่บอกว่าไม่มีเงินคืนดิฉัน เลยเป็นเหตุให้เขาเพิกเฉยไม่ยอมหย่าเนื่องจากไม่มีเงินคืนดิฉัน ซึ่งดิฉันเองก็บอกเขาว่าไม่ต้องการสินทรัพย์อะไรจากเขาเลยเพียงแต่ได้เงินส่วนนี้คืนเท่านั้น
ดิฉันขอเรียนถามเพียงแค่นี้นะคะขอพระคุณมากคะ
เรียน คุณไม้
1. ถ้าข้อเท็จจริงมีเพียงเท่าที่เล่ามา ก็ยังไม่มีเหตุที่จะฟ้องหย่าได้ แต่ถ้าแยกกันอยู่ต่อไปจนครบ ๓ ปี ก็เป็นเหตุฟ้องหย่าได้
2. หนี้ที่เกิดขึ้นเป็นหนี้ที่ต้องรับผิดร่วมกัน ในเวลาฟ้องหย่าก็เรียกเอาคืนได้รวมทั้งค่าเลี้ยงดูหากคุณประสงค์จะได้ค่าเลี้ยงดู