ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    027543 ถูกต้องหรือไม่ครับมืดแปดด้าน15 เมษายน 2551

    คำถาม
    ถูกต้องหรือไม่ครับ
    ฟ้องเรียกคืนเอกสารการครอบครองที่ดิน

    อาจารย์ครับ ผมมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ลุงของผมมีสิทธิ์ครอบครองในที่ดิน นส.3 ในอดีตเมื่อปี 2539 คุณลุงโดนฝ่ายโจทย์ฟ้องขับไล่ เพราะคุณลุงผมหัวอ่อนเอาใบนส.3 ไปให้ฝ่ายโจทย์โอนให้ (ได้ซื้อขายกันมาก่อนแล้วราว 30 ปีก่อนแต่ยังไม่ได้โอน) เขาก็เลยขอเอาไว้ แล้วบอกว่าให้เขาทำเรื่องเป็นผู้จัดการมรดกก่อนแล้วจะทำการโอนให้ในภายหลัง แต่กลับเอาไปโอนให้ลูกสาวเฉยเลย แล้วลูกสาวเขาก็ได้มาฟ้องขับไล่ลุง ต่อมาศาลได้พิพากษาถอนฟ้อง คดีสิ้นสุดเมื่อปี 2546 โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ (ย่อ) จำเลยมีสิทธิ์ครอบครองที่ดินพิพาท อุทธรณ์โจทย์ฟังไม่ขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการโอนที่ดินแปลงดังกล่าวคืนให้ลุงแต่อย่างใด กระผมจึงอยากเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ

    1.ผมจะมีแนวทางในการดำเนินเรื่องต่ออย่างไรครับ เพื่อให้ได้เอกสาร นส.3 คืนกลับมาพร้อมการโอนจากโจทย์ เพราะทนายความที่ว่าจ้างไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้อีกเลย

    2.ผมเคยปรึกษาทนายคนอื่นเขาบอกว่า ที่ดิน นส.3 เรื่องนี้มันเป็นช่องว่างของกฎหมาย ผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องให้เขาโอนที่ดินให้ได้ และผู้มีเอกสาร นส.3 ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ประโยน์ในที่ดินตามคำพิพากษาข้างต้น มันเป็นอย่างทนายพูดจริงหรือเปล่าครับ

    คำตอบ

    1. ถ้าเขาไม่ส่ง นส.๓ คืน ก็คงต้องไปฟ้องร้องเรียกคืน เว้นแต่ในคดีแรกจะได้มีคำขอให้เขาส่งมอบ นส.๓ คืนให้ด้วย 

    2. ไม่น่าจะจริงหรอก

     

    เรียน อาจารย์มีชัย ฤชุพันธ์ ที่เคารพ พอดีขณะที่กำลังรอคำตอบจากอีกคำถาม ผมอยากขอรบกวนอาจารย์อีกสักคำถามดังนี้ครับ ก่อนปี 2539 ที่ดินที่กล่าวถึงข้างต้น คุณพ่อของกระผมได้ซื้อจากคุณลุง โดยคุณลุงได้มายืมเงินจากคุณพ่อไปหลายครั้ง จนเป็นเงินมากพอคุณพ่อจึงขอที่ดินแทนเงินที่ได้หยิบยืมไป แต่ไม่ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายเอาไว้ และสัญญากู้ยืมก็มีเพียงฉบับเดียว บางส่วนของจำนวนเงินที่ยืมไปหลายครั้ง แต่ไม่ได้มีการโอนที่ดินกันเนื่องจาก คุณลุงโดนฟ้องขับไล่จากสาเหตุที่กล่าวข้างต้น ครอบครัวของกระผมจึงเหมือนตกกระไดพลอยโจร (ผมเปรียบเปรยขึ้นเองหลังจากต้องมารับภาระทางบ้านแทนพ่อ หลังจากพ่อเสียชีวิตลงในปี 2548) ตั้งแต่ปี 2539 พ่อต้องต่อสู้คดีแทนคุณลุง เพราะแกบอกพ่อว่าแล้วแต่จะจัดการ แกไม่เอาอะไรอีกแล้ว พ่อจึงต้องจ่ายค่าอะไรต่างๆ เยอะแยะ อีกทั้งความเครียดที่เกิดขึ้นเกรงว่าจะไม่ได้อะไรเลย จนคดีสิ้นสุดในปี 2546 ศาลสั่งยกฟ้อง ต่อมาเมื่อพ่อเสีย ผมจึงต้องรับภาระทางบ้านแทนทั้งหมด และได้มารู้เรื่องคดีที่ติดอยู่ ผมพอมีการศึกษาอยู่บ้างนิดหน่อย แต่คุณแม่ไม่รู้เรื่องกฎหมายเลย เป็นแม่บ้านธรรมดาจบ ป.4 ต่อมาผมได้ปรึกษาทนายขอให้ทำหนังสือจะซื้อจะขายให้ ในปี 2550 โดยในสัญญาได้จัดทำที่ สนง.ทนายความ ระบุชื่อคุณลุงเป็นผู้จะขาย ระบุชื่อกระผมเป็นผู้จะซื้อ ซื้อขายที่ดิน นส.3 เล่มที่.. หน้า.. ตำบล..อำเภอ..จังหวัด.. จำนวนเงินที่ซื้อขาย โดยได้จ่ายเงินที่ซื้อครบถ้วนแล้ว เนื่องจากที่ดินกำลังดำเนินการในชั้นศาลเมื่อได้เอกสาร นส.3 แล้วจะทำการโอนให้ภายในหนึ่งเดือน ซึ่งคุณลุงก็เซ็นต์เป็นผู้จะขาย แม่ของกระผม และทนายความเซ็นต์เป็นพยาน ต่อมาคุณลุงขอทำนาในที่ดินแปลงนี้ คุณแม่ไม่ค่อยรู้เรื่อง เกรงใจคุณลุงด้วยก็เลยให้ทำ ผมคิดว่ามันไม่ค่อยจะดีนักต่อรูปความ ก็จึงมาจัดการทำสัญญาเช่าที่นาโดยมีลูกสาวของคุณลุงและคุณแม่เซ็นต์เป็นพยาน ต่อมาเมื่อเดือนที่แล้วผมได้นำสำเนาคำพิพากษาถึงที่สุดไปปรีกษากับเจ้าพนักงานที่ดิน เขาบอกสามารถออก นส.3 ฉบับใหม่ให้ได้ ตามมาตรา 1367 แต่ต้องออกเป็นชื่อคุณลุงก่อนแล้วค่อยโอนมาเป็นชื่อของผมอีกทีในภายหลัง ผมจึงนำคุณลุงมาเซ็นต์แจ้งความประสงค์ ขณะนี้เรื่องกำลังอยู่ในขั้นตอนการติดประกาศ 30 วัน วันนี้คุณลุงบอกเป็นหนี้เยอะมาขอทำนาในที่แปลงนี้อีก ใจหนึ่งก็เกรงใจกลัวแกจะโกรธแล้วไม่โอนให้ ใจหนึ่งก็ไม่ค่อยไว้วางใจนัก กลัวแกจะได้สิทธิ์ในที่นาแล้วยิ่ง เอกสาร นส.3 ที่จะออกมาใหม่ ต้องเป็นชื่อคุณลุงก่อนด้วยกลัวแกไม่โอนให้ เพราะแกเคยโมโหให้คุณแม่ของกระผมแล้วบอกว่าจะไม่โอนให้ ผมยังไม่ให้คำตอบแก แต่อยากขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ

    1.หนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ทำขึ้น ลงวันที่ปัจจุบันที่ทำ และรายละเอียดอื่นตามที่ระบุ แต่ไม่มีการจ่ายเงินเนื่องจากในอดีตได้จ่ายครบจำนวนแล้ว ถือเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ครับ

    2.หนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ทำตามรายละเอียดที่ระบุไม่รู้ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่า เพราะผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อหลังจากทนายจัดการให้ ไม่ได้ติดอากรแสตมป์ แล้วจะนำมาอ้างเป็นหลักฐานต่อสำนักงานที่ดินในภายหลังให้ทำการโอนให้ได้หรือไม่ครับ หากคุณลุงไม่ยอมโอนที่ดินให้

    ขอขอบพระคุณครับ

    คำตอบ

    1. ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรให้ผิดเพี้ยน เพียงแต่ระบุไว้ในสัญญาว่าฝ่ายผู้จะขายได้รับเงินไปเรียบร้อยแล้วก็น่าจะเพียงพอแล้ว

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    15 เมษายน 2551