การยกเลิกสัญญาซื้อสิทธวันหยุดพักผ่อน
เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2551 ดิฉันได้ไปงานไทยเที่ยวไทยที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต โดยในงานมีการลงชื่อแบบสอบถามเอาไว้ หลังจากนั้นมีพนักงานโทรมาติดต่อให้ไปรับบัตรฟรีสำหรับที่พัก 4 วัน 3 คืน โดยต้องไปร่วมกิจกรรม ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ดิฉันไปตามนัดดังกล่าวที่ห้างซีคอนสแควร์ เมื่อวันที่15 มีนาคม ที่ Peninsula Club House ดิฉันใช้เวลาอยู่ที่สถานี่ดังกล่าวร่วม3 ชั่วโมงเพื่อฟังการขายmembership ของคลับดังกล่าว
พนักงานขายได้อธิบายถึงข้อดีของการซื้อวันหยุดพักผ่อนดังกล่าว ซึ่งจุดที่ทำให้ดิฉันสนใจ คือ การมีไกด์พาเที่ยว ตามโปรแกรมในสถานที่ต่าง ๆ ร่วมทั้งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการท่องเที่ยวครั้งนั้น โดยที่โรงแรมจะมีไกด์ของ RCI ประจำอยู่ โดยไกด์เหล่านั้นจำทำการบริการรับส่งที่สนามบินรวมทั้งรับผิดชอบโปรแกรมการท่องเที่ยว ทำให้ดิฉันตัดสินใจซื้อmember สำหรับระยะเวลา 22 ปีดังกล่าว ในราคา 150,000 บาท และทำการจ่ายค่ามัดจำโดยชชำระเป็นบัตรเครดิต 10% เป็นเงิน 15,000 บาท ในการใช้วันหยุดดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายจิปาถะมากมายซึ่งผู้ขายเน้นย้ำแค่ค่าสมาชิก RCI ประจำปี และค่า maintenanceประจำปี โดยมิได้เน้นย้ำถึงค่าแลกเปลี่ยนวันหยุดกับโรงแรมในเครือ ประมาณ 4800 บาท สำหรับโซนเอเซีย และ 9800 สำหรับ inter ดิฉันได้กลับมาคิดทบทวนถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโปรแกรมดังกล่าว ทำให้ทราบว่าแพงกว่าที่คิดมาก นอกจากนั้นวันที่เซ็นสัญญา ในระหว่างที่ฟังการนำเสนอ พนักงานขายให้ดิฉันปิดโทรศัพท์และในช่วงที่ตัดสินใจซื้อนั้นให้ตัดสินใจเอง โดยพูดในเชิงที่ไม่ให้ถามคนอื่นเพื่อทำการตัดสินใจ ดิฉันไม่ได้รับเอกสารสำหรับสิทธิประโยชน์ของสมาชิกในวันที่ทำสัญญา โดยการทำสัญญาซื้อนั้นทำบนพื้นฐานความเข้าใจว่าจะมีไกด์และโปรแกรมนำเที่ยวให้ โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพิ่ม คือ ค่าตั๋วเครื่องบิน และอาหารบางมื้อเท่านั้น แต่ทราบจากแผนกบริการลูกค้าภายหลังจากการพูดคุย และสิทธิประโยชน์ของสมาชิกซึ่งเป็นเอกสารที่ได้รับทางแฟกซ์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2551 ว่าmember ดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแค่ค่าห้องพักพียงอย่างเดียว การจะมีไกด์หรือไม่นั้น ขี้นอยู่กับโปรแกรมของแต่ละโรงแรม ทำให้ดิฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกให้ซื้อmembership ดังกล่าวในราคา 150,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย ภายในระยะเวลาการขาย สองชั่วโมงครึง ดิฉันจึงอยากเรียนถามว่า ดิฉันสามารถยกเลิกสัญญาดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะดิฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกจากการชักจูงดังกล่าวของพนักงานขาย
ป.ล. สัญญาดังกล่าวมีประโยคที่กล่าวว่า
ผู้ซื้อรับทราบดีว่าสามารถใช้สิทธิสัปดาห์วันหยุดได้เมื่อชำระค่าสมาชิกครบเต็มจำนวน
ผู้ซื้อพิจารณาเป็นอย่างดีในการซื้อสมาชิก และมีความมั่นใจว่าจะสามารถชำระส่วนที่เหลือทั้งหมดได้
สัญญาการเป็นสมาชิกไม่สามารถยกเลิกได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม และหากผู้ซื้อผิดนัดชำระ ผู้ซื้อยินยอมให้บริษัทมีสิทธิริบเงินในส่วนที่ได้ชำระค่าสมาชิกแล้วทั้งหมด หรือทวงถามส่วนที่ค้างอยู่ต่อไป
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2551 ดิฉันได้ส่งเอกสารสอบถามไปยังแผนกดูแลลูกค้า และแจ้งถึงเหตุผลที่ขอยกเลิกสัญญาดังกล่าวเนื่องจากสิทธิประโยชน์ซึ่งดิฉันได้รับเป็นลายลักษณ์อักษรทีหลังนั้น ไม่ตรงกับข้อมูลที่พนักงานขายนำเสนอ ดิฉันยังมีหลักฐานลายมือของพนักงานขายที่นำเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย (ได้รับจากแผนกดูแลลูกค้า พร้อมกับเอกสารสิทธิประโยชน์ทางแฟกซ์) วันเดียวกันดิฉันจึงได้โทรไปขอให้ธนาคารผู้ออกบัตรบัตรเครดิตที่จ่ายเงินค่ามัดจำดังกล่าว ยกเลิกรายการ โดยทางธนาคารต้องทำการตรวจเช็คข้อมูลจากทางด้านผู้ขายก่อน เป็นเวลา 45 วัน ซึ่งอาจจะยกเลิกได้หรือไม่ได้ ขี้นอยู่กับสัญญาที่ทำ
จากเรื่องดังกล่าวข้างต้น ดิฉันมีความเป็นกังวลอย่างมากว่า สัญญาดังกล่าวซึ่งสิทธิประโยชน์ไม่ตรงกับที่พนักงานขายนำเสนอ ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกหลอก จะสามารถยกเลิกได้หรือไม่ เนื่องจากในสัญญาซื้อสิทธิวันหยุดนั้น (7คืน ต่อปี เป็นเวลา 22 ปี)ได้มีการระบุว่าสัญญาไม่สามารถยกเลิกได้ไม่ว่ากรณีใด จึงอยากรบกวนถามท่านอาจารย์ว่าในกรณีนี้ ดิฉันจะสามารถยกเลิกสัญญาดังกล่าวได้หรือไม่คะ |