ดิฉันให้เพื่อนซึ่งทำงานเป็นรปภ.ยืมเงินไปจำนวน 20,000 บาท โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือสัญญาไว้ เพราะเขาโทรมาจากต่างจังหวัด เนื่องจากเงินไม่พอจัดงานศพพ่อ จึงขอยืมดิฉันก่อน ต่อมาเขาก็มาผ่อนชำระให้ ครั้งละ 5,000 บาท จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งยังเหลืออีก 10,000 บาท ซึ่งคนในบริษัทดิฉันและบริษัทเขาทราบเรื่องนี้ด้วย ประมาณวันที่ 28 มค. 2551 เขากับสามีได้ลาออกจากงานกระทันหัน ดิฉันจึงได้ออกหนังสือแจ้งให้ทางบริษัทที่เขาทำงานอยู่ทราบ และอายัดเงินเดือนเขาไว้ ซึ่งเงินเดือนเขาจะออกวันที่ 1 กพ. โดยจ่ายผ่านธนาคาร ทางบ.รับทราบ และทำการอายัดเงินเดือนไว้เบื้องต้นแล้ว แต่ไม่สามารถนำมาชำระให้ดิฉันได้ เพราะทางบ.ของเขากลัวเขาจะไปฟ้องกรมแรงงาน ดิฉันจึงต้องรอจนกว่าเขาจะติดต่อกลับมาที่บ. แล้วจะนัดมาไตร่สวน แต่ผ่านมา 2 วันแล้วเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับไปยังบริษัทเลย ดิฉันจึงเรียนมาสอบถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ 1. เขามีสิทธิ์ไปฟ้องกรมแรงงานหรือไม่ค่ะ เพราะเขาไปเขียนใบลาออก ก่อนวันเงินเดือนออก
2. ถ้าลูกหนี้ไม่ติดต่อกลับมาภายในกี่วัน ถึงจะสามารถให้นำเงินมาชำระกับเจ้าหนี้ได้ค่ะ 3. กรณีเช่นนี้ มีวิธีแก้ไขโดยวิธีอื่นอีกไหมค่ะ
ดิฉันเห็นว่าเป็นคนทำงานที่เดียวกันแต่คนละบริษัท และรู้จักกันมานาน จึงไว้ใจและสงสาร ไม่คิดดอกแม้แต่บาทเดียว และไม่ได้ทำเป็นหนังสือสัญญาไว้ แต่สุดท้ายความดีที่ดิฉันทำไป ก็ตอบกลับมาอย่างเจ็บปวด สุดท้ายนี้รบกวนอาจารย์ช่วยแนะแนวทางแก้ไขปัญหาให้ด้วยนะค่ะ เพราะเงินที่ดิฉันให้เค้ายืมไปเป็นเงินส่งงวดรถ ซึ่งตอนนี้ดิฉันขาดส่งอยู่ 1 งวดค่ะ
ขอบคุณอาจารย์อย่างยิ่งค่ะ
1 ถ้าไปอายัดเงินเดือนเขา ๆ ก็ย่อมมีสิทธิไปฟ้องกรมแรงงานได้
2. บริษัทไม่มีสิทธิไปหักเงินเดือนของเขามาชำระหนี้ให้คุณ ศาลเท่านั้นจึงจะมีสิทธิทำได้ ถ้าเขาหักเงินเดือนมาให้คุณ พอเจ้าของเงินเขามาขอรับเงินบริษัทก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายให้เขา
3. คุณทำได้เพียงติดต่อกับบริษัทที่เขาทำงานอยู่ เพื่อให้รีบบอกในเวลาที่เขาจะมารับเงิน แล้วคุณก็ไปรออยู่ที่นั่น พอเขารับเงินแล้วก็ทวงเงินจากเขา
หลักศาสนาพุทธนั้นมีอยู่ว่า ในการทำบุญทำกุศล ต้องไม่ทำให้ตนเองหรือคนอื่นเดือดร้อนจึงจะได้บุญและกุศล ถ้ามีเงินเหลือเฟืออยู่ จะให้ใครยืมไปเพื่อเป็นกุศลก็สมควรอยู่ แต่ถ้าถึงขนาดเอาเงินที่จะต้องไปชำระหนี้เขา ไปให้คนอื่นก่อน ความเดือดร้อนก็ย่อมเกิดขึ้นแก่ตัวเองอย่างที่เป็นอยู่