ดิฉันได้ทำสัญญาเช่าบ้านกับเจ้าของบ้านและได้ชำระเงินค่า ประกันของเสียหาย 8000 บาท พร้มทั้งจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 4000 บาท รวมเป็นเงิน 12000 บาทค่ะ ทั้งนี้ได้ตกลงกันว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ดิฉันถึงจะเข้าอยู่(ได้จ่ายเงินและทำสัญญากันเมื่อ ต้นเดือน มกราคมค่ะ)

หลังจากนั้นมันเกิดปัญหาขึ้นค่ะ คือว่าดิฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับ internet และจำเป็นอย่างมากกับการที่ต้องใช้โทรศัพท์บ้านพื้นฐานพร้อมกับ internet น่ะค่ะ เนื่องจากทางผู้ให้บริการโทรศัพท์ (tot และ ทรู) แจ้งมาว่าไม่มีคู่สายและไม่สามารถย้ายเบอร์จากหมู่บ้านอื่นเข้ามาได้เนื่องจากคู่สายเต็ม ซึ่งหากดิฉันไม่มีโทรศัพท์ก็หมายถึงดิฉันได้ทิ้งกิจการทิ้งธุรกิจส่วนตัวไป ดิฉันจึงตัดสินใจแจ้งยกเลิกสัญญาเช่ากับทางเจ้าของบ้านไปน่ะค่ะเนื่องจากติดปัญหาจริง ๆ โดยแจ้งให้เค้าหักเงินค่าเช่าล่วงหน้าที่จ่ายไป 4000 ได้เลยแต่เงินประกันดิฉันขอคืน เพราะเงินประกันในสัญญานั้นระบุว่าจะนำมาหักในกรณีที่บ้านเค้าชำรุดหรือมีส่วนใหนพัง หากหักแล้วเหลือเท่าไหร่ก็จะคืนแก่ผู้เช่า อยากสอบถามอาจารย์ดังนี้นะคะ

1.เจ้าของบ้านไม่ยอมคืนเงินแม้แต่บาทเดียวค่ะ(ดิฉันทำสัญญาและจ่ายเงินไปเมื่อ 7 มค และแจ้งยกเลิกสัญญาเมื่อ 15 มค ค่ะ) อย่างนี้ถูกต้องหรือไม่

2.ในสัญญาไม่ระบุว่าห้ามยกเลิกสัญญาหากยกเลิกจะริบเงินทั้งหมด ดังนั้นดิฉันมีสิทธิ์เรียกเงินคืนหรือไม่

3.เนื่องจากในสัญญาระบุอายุสัญญาเช่า 3 ปี อย่างนี้ดิฉันต้องอยู่กับเขาถึง 3 ปีถึงจะออกได้หรือว่ายังไงคะ

4.ในกรณีนี้ เงินประกันดิฉันมีสิทธิ์เรียกคืนหรือไม่

5.เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมาเจ้าของบ้านโทรมาขอกุญแจบ้านคืนและบอกว่าไม่คืนเงินให้ทั้งหมด พร้อมทั้งขู่ว่าหากไม่ยอมคงมีเรื่อง และเขากล่วว่าเขามีอิทธิพลพอสมควรเนื่องจากเป็น บรรณาธิการหนังสือฉบับหนึ่ง (ดิฉันทำธุรกิจส่วนตัว และกลัวว่าเขาจะนำชื่อเสียงของบริษัทดิฉันไปลงในหนังสทอเขาอย่างเสียหายน่ะค่ะ) อย่างนี้ดิฉันสมควรให้เขายึดเงินคืนดีหรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่สละเวลามาตอบคำถามนะคะ

ขอแสดงความนับถือ

รักชนก ดีรอด

1. เขาคงยึดไว้ในฐานะเป็นความเสียหายเบื้องต้นของเขา

2. การเรียกเงินคืนได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาคิดค่าเสียหายเท่าไร ถ้าเขาคิดในราคานั้น ก็ไปเอาคืนไม่ได้

3. อย่างนั้นน่ะซี มิฉะนั้นจะระบุอายุสัญญากันทำไม

4. ดูคำตอบข้อ 1 และ 2

5.ถ้าจะเอาเงินคืนให้ได้ก็ต้องไปฟ้องร้องกันยังศาล ซึ่งค่าใช้จ่ายคงมากกว่าเงินที่จะได้คืน  คงต้องถือเป็นบทเรียนแห่งชีวิตว่าจะต้องมีความรอบคอบพอสมควรในการดำเนินการใด ๆ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า โทรศัพท์เป็นหัวใจสำคัญ ก็ต้องตรวจสอบเสียให้ดีว่ามีโทรศัพท์หรือไม่ ไม่ใช่ไปตกลงกับเขาก่อนที่จะรู้ว่ามีโทรศัพท์หรือไม่