- เมื่อปี 2542 เป็นกำนันและดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาตำบลอีกตำแหน่งหนึงด้วย และในปี 2542 ได้กระทำความผิดไม่นำเงินโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (ก.ขคจ.) ส่งอำเภอตามกำหนด จนผู้ว่าฯมีคำสั่ง ปลดออกจากตำแหน่งกำนันฐานแสวงหาประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้รัฐมีความเสีหายอย่างร้ายแรง
- อดีตกำนันคนนี้จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี โดยจะอาศัยผลจาก พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2550
- กกต.ได้เคยให้แนวทางว่ากรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรีอผู้บริหารท้องถิ่นเคยถูกลงโทษทางวินัยให้ออกจากราชการในความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง แต่บุคคลดังกล่าวได้รับการล้างมลทิน ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 กรณีนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 95/2547 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 วินิจฉัยว่า แม้ว่าบุคคลดังกล่าวจะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยถือว่าไม่เคยต้องโทษทางวินัยก็ตาม แต่พฤติกรรมที่เป็นเหตุให้ถูกลงโทษทางวินัยหาได้ถูกลบล้างไปด้วยไม่ ดังนั้น การที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเคยถูกไล่ออกจากราชการเพราะเหตุแห่งการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ จึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 45 (7) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 บัญญัติว่า "เคยถูกไล่ออด ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจจริต และประพฤติชอบในวงราชการ"
เรียนถามว่า กำนันคนนี้จะมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีได้หรือไม่ขอความกรุณาท่านอาจารย์ตอบให้ชัดเจนด้วยครับจะได้ถือปฏิบัติต่อไป