ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    026124 เจ้าหนี้ยึดทรัพย์(ที่ดิน), ศาลอุทธรณ์สั่งปล่อยให้ผู้ร้อง, แต่มีการขายทอดตลาดให้บุคคลอื่นโดยผู้ร้องไม่ทราบเรื่องนายเจตน์(ดิเรก) บุญศรี29 มกราคม 2551

    คำถาม
    เจ้าหนี้ยึดทรัพย์(ที่ดิน), ศาลอุทธรณ์สั่งปล่อยให้ผู้ร้อง, แต่มีการขายทอดตลาดให้บุคคลอื่นโดยผู้ร้องไม่ทราบเรื่อง
    กราบเรียนท่านมีชัย ที่เคารพ ผม ได้ซื้ออาคารพาณิชย์(คูหาที่ 1) พร้อมที่ดิน 12 ตรว. ซึ่งมีที่ดินว่างเปล่า(ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง) 25 ตรว. อยู่ติดกับถนนชายหาด(ทางสาธารณะ) ซึ่งในที่ว่างเปล่านี้ไม่สามารถก่อสร้างได้ตาม พรบ.ก่อสร้าง จึงได้ถูกกำหนดเป็นบ่อระบายน้ำเสียรวมของอาคารพาณิชย์ในโครงการ ด้วย ผม และบริษัทผู้ขาย รู้ว่าสามารถใช้ประโยชน์บนหน้าดินได้ ผม จึงตกลงซื้อตามราคาที่บริษัทเสนอขาย 880,000.- บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าคูหาอื่น ๆ ที่ติดกัน ที่อยู่ด้านในโครงการ (รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะคูหาที่ซื้อ) นับตั้งแต่ปี 2520 ที่ได้ซื้อคูหาที่ 1 ผม ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินว่างเปล่า โดยการทำเป็นสวนพักผ่อน, ปลูกเพิงค้าขายอาหาร และปลูกสร้างเป็นอาคารชั้นเดียว-มุงหลังคา ทำการค้าขาย มาจนถึงปัจจุบัน ปัญหาในที่ดินว่างเปล่าที่เกิดขึ้น มีดังนี้คือ (1) เมื่อเดือนกันยายน ปี 2533 เจ้าพนักงานบังคับคดี ได้นำประกาศยึดทรัพย์ในที่ดินว่างเปล่า ไปแจ้งต่อผม ซึ่งต่อมาทราบว่าบริษัทเจ้าของโครงการมีภาระหนี้สินกับธนาคารผู้เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทซึ่งได้ฟ้องยึดทรัพย์รวมถึงที่ดินว่างเปล่า 25 ตรว. ข้างต้น จากจุดนี้ ผม(ผู้ร้อง) ได้ขอให้ทนายความช่วยดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาล เรื่องขอขัดทรัพย์, ถอนการยึดทรัพย์ และขอปรปักษ์ ซึ่งในเดือนกันยายน ปี 2536 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์(ที่ดิน)ที่ยึด คืนแก่ผู้ร้อง แต่คำขอปรปักษ์นั้นให้ไปดำเนินการเป็นคดีใหม่ (2) ธนาคารผู้เป็นเจ้าหนี้ ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ และได้มีคำพิพากษา เมื่อเดือนมกราคม ปี 2538 เห็นว่า "ที่โจกทก์อุทธรณ์ว่า ผู้ร้องได้มาซื่ออสังหาริมทรัพย์ โดยการครอบครองปรปักษ์ จึงเป็นการได้สิทธิมาโดยทางอื่น แยกจากนิติกรรม สิทธิผู้ร้องยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน จึงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และเป็นบุคคลภายนอกนั้น ผู้ได้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้จำนองโดยเสียค่าตอบแทน และโดยสุจริตไม่ได้นั้น เห็นว่าคดีนี้ โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การ ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าโจกท์เป็นผู้ได้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้จำนองโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนหรือไม่นั้น เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้โจทก์ ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ" (3) ต่อมาในปลายปี 2540 ผม ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาล ขอให้ออกหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด เพื่อจะนำไปประกอบคำร้องขอกรรมสิทธิ์ในที่ดินว่างเปล่า ปรากฏว่า เจ้าพนักงานศาลได้ตรวจสอบสำนวนแล้ว ค้นหาสำนวนไม่พบ จึงไม่อาจออกหนังสือฯ ไห้ได้ ซึ่งในเดือนตุลาคม 2541 ท่านผู้พิพากษา ได้แจ้งต่อผู้ร้องว่า "อนุญาตให้คัดคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ และรายงานกระบวนพิจารณา ส่วนหนังสือรับรองให้ออกเมื่อหาสำนวนพบ หรือมีหลักฐานอื่นที่แสดงว่าคดีถึงที่สุดแล้ว" ผม และทนายความ จึงไม่สามารถดำเนินการต่อ ในชั้นขอกรรมสิทธิ์โดยปรปักษ์ได้ (เหตุที่ ผม ไม่ได้ยื่นคำร้องขอกรรมสิทธิ์ หลังจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น เพราะมีปัญหาเรื่องครอบครัว และเงินทุนหมุนเวียน) (4) จากเหตุในข้อ (3) ผม ได้รับคำแนะนำว่า ธนาคารเจ้าหนี้ คงจะไม่รบกวนสิทธิของผมในการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินว่างเปล่าอีก ประกอบกับในปลายปี 2547 ธนาคารเจ้าหนี้ และกรมบังคับคดี ได้มีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ดินว่างเปล่าจำนวนหลายแปลงในโครงการที่ผมอาศัยอยู่ ซึ่งปรากฎว่าไม่มีบัญชีประกาศขายฯ ที่ดินว่างเปล่า 25 ตรว. ที่ผมได้ครอบครอง รวมไว้อยู่ จึงทำให้ผมเชื่อว่าธนาคารเจ้าหนี้ จะไม่ได้เข้ามารบกวนแน่ (5) แต่มาเมื่อเดือนเมษายน ปี 2550 ผม ได้พบกับผู้ซื้อรายหนึ่ง ซึ่งได้แสดงตนว่าเป็นผู้ซื้อทรัพย์ในที่ดินว่างเปล่า 25 ตรว. จากกรมบังคับคดีเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมแสดงหลักฐานการซื้อจากตลาดขายทอด ณ กรมบังคับคดี ในเวลาเดียวกัน ก็ได้เสนอราคาขายต่อให้กับผมในราคา 5 ล้าน ซึ่งผมก็ได้อธิบายความต่าง ๆ พร้อมแสดงสำเนาเอกสารทางคดีให้ผู้ซื้อรับทราบ และสอบถามผู้ซื้อว่า "ทำไมผู้ซื้อ จึงไม่เข้ามาสอบถามก่อนว่า ที่ดินแปลงนี้เกิดเหตุอะไรบ้าง ทั้งที่ในใบประกาศ(แผ่นโฆษณา)ทรัพย์ที่จะขายนั้น ระบุข้อความในหมายเหตุว่า "มีสิ่งปลูกสร้างปลูกอยู่บนที่ดิน แต่มิได้ยึดไว้ด้วย" และยังมีข้อความในท้ายประกาศว่า "ผู้ซื้อมีหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์ที่จะซื้อ ตามสถานที่ และแผนที่การไปที่ปรากฎในประกาศ และถือว่าผู้ซื้อได้ทราบถึงสภาพทรัพย์นั้นโดยละเอียดครบถ้วน" ที่สำคัญ ผม ไม่เคยพบกับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี หรือเจ้าหน้าที่ผู้ใด มาทำการแจ้งหรือปิดหมายยึดทรัพย์ ณ ที่ดิน 25 ตรว. ก่อนการประกาศขายทอดตลาด ซึ่งหากผมทราบ ผม ก็ต้องดำเนินการร้องขอต่อศาลอีกเช่นเคย ดังที่ได้เคยกระทำไปก่อนหน้านี้ (6) นับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2550 ที่ผ่านมา ผม และทนายความ ได้ทำการขอคัดสำนวนเรื่องการขายทอดตลาด จากกรมบังคับคดีถึงเหตุที่เกิดขึ้น ประกอบคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้เพิกถอนการขายทรัพย์ และขอกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยปรปักษ์ ซึ่งปรากฎว่าเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ศาลแพ่ง ได้มีคำวินิจฉัยว่า "แม้คำร้องของผู้ร้อง จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท และปล่อยที่ดินพิพาทคืนแก่ผู้ร้อง แต่หากศาลมีคำสั่งตามที่ผู้ร้องขอดังกล่าวย่อมมีผลเป็นการถอนการยึดที่ดินพิพาทด้วย ซึ่งตาม พรบ.ล้มละลาย 2486 มาตรา 178 บัญญัติว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคนใดเห็นว่า จพท.ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้คัดค้านต่อ จพท. เมื่อ จพท.ได้รับคำคัดค้านแล้ว ให้สอบสวนและมีคำสั่ง ถ้า จพท.สั่งไม่ให้ถอนการยึดทรัพย์ ผู้นั้นมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 14 วัน นับตั้งแต่ทราบคำสั่ง เมื่อศาลได้รับคำร้องแล้ว ให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งชี้ขาด เหมือนอย่างคดีธรรมดา โดยเรียก จพท. เข้ามาสู้คดี ดังนั้น ผู้ร้องจึงต้องทำการคัดค้านการยึดทรัพย์ของ จพท. ต่อ จพท. เพื่อมีคำสั่งเสียก่อน ต่อเมื่อ จพท. มีคำสั่งไม่ให้ถอนการยึดแล้ว ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอต่อศาลได้ แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ก่อนที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายต่อศาล ผู้ร้องไม่เคยยื่นคำคัดค้านการยึดทรัพย์ต่อ จพท. เพื่อมีคำสั่งตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้อง เมื่อวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว จึงไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นตามคำคัดค้านอีกต่อไป จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ" (7) จากตรงจุดนี้ ผม และทนายความ ได้ทำการยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลอีกครั้งเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ทราบว่าศาลท่านจะกรุณาให้กับผม และครอบครัวอย่างไร? เพราะทุกคนในครอบครัวของผม ต่างไม่สบายใจอย่างยิ่ง เนื่องจากยังคงมีปัญหาเรื่อง NPL อยู่กับสถาบันการเงินที่ยังไม่จบสิ้น ผม จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ท่านมีชัย ได้กรุณาให้คำแนะนำต่าง ๆ ตามที่ท่านเห็นสมควรต่อไป และขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
    คำตอบ

    เรียน คุณเจตน์

        เห็นจะพ้นวิสัยที่จะให้คำปรึกษาได้ เพราะความมุ่งหมายของการตอบคำถามคำตอบ เป็นเพียงเพื่อให้ความคิดเห็นหรือความรู้เบื้องต้น เพื่อใช้เป็นแนวในทางที่จะไปดำเนินการต่อไปเท่านั้น ไม่สามารถจะไปไกลถึงขนาดปรึกษาคดีความให้ได้หรอก


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    29 มกราคม 2551