เรียนท่านอาจารย์ที่เคารพ

เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้ซื้อที่ดินจากกรมบังคับคดี เพราะจากสำเนาเอกสารในสำนวน ผมเห็นแล้วว่าเป็นที่ติดน้ำ 2 ด้าน คือ ติดแม่น้ำ และติดลำธาร และก็ได้เดินทางไปดูด้วยตนเองกับตามาแล้ว จึงตกลงใจซื้อ เมื่อซื้อแล้ว ก็ได้เดินทางไปยังที่ตั้ง เพื่อแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน และเพื่อนบ้านทราบว่า ที่ดินมีการเปลี่ยนแปลงการครอบครองแล้ว

ที่นี้ก็กะว่าจะทำรั้ว เลยไปขอดูระวางของ สนง.ที่ดินอำเภอ แล้วก็สำเนาเอกสารมา เปรียบเทียบกับที่ดินของจริง ปรากฏไม่ตรงกันดังนี้

1.ที่ข้างลำห้วยใน นส.3 ก ยาวเป็นเส้นตรง แต่ความจริงเป็นเส้นโค้ง และเป็นที่งอก วัดแล้วเกินมา 15 ไร่

2.ที่ข้างแม่น้ำ ใน นส.3 ก ยาวเป็นเส้นตรง แต่ความจริงเป็นเส้นซิกแซ็ก วัดแล้วเกินมา 5 ไร่

ข้อมูลเพิ่มเติม

1.ตามเอกสารของ สนง.ที่ดินอำเภอ ที่ดินแปลงนี้ออก สค.1ก่อนประกาศเป็นป่าสงวน และเปลี่ยนเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทำให้ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินน้อยแปลงในทั้งตำบลที่เป็น นส.3ก ที่เหลือจึงเป็นการบุกรุกป่าสงวน และรัฐกำลังออกเอกสารเป็น สปก.ให้

2.สปก.ประกาศเขตทับครึ่งหนึ่งของที่ดิน ด้านตรงข้ามแม่น้ำ และป่าไม้ปักป้าย "เขตอนุรักษ์" เข้ามาในที่ดิน ในแนวเดียวกัน ยาวขนานแม่น้ำ

3.ที่ดินแปลงนี้เมื่อฝนตกหนักน้ำจะท่วมทุกปีเว้นปี ปีละ 3-5 วัน จนกระทั้งมีเขื่อนเกิดขึ้น น้ำจึงไม่ท่วม แต่มีทางเกวียน โผล่ขึ้นตรงกลางที่ดิน

4.ในเอกสาร นส.3ก เป็นที่ดินตาบอด ใช้เรือข้ามฝั่งเท่านั้น แต่เมื่อเวลาเนิ่นนาน ก็มีทางปรากฏขึ้น มั่วไปหมด ผ่ากลางที่บ้าง ตามแนวป่าบ้าง แนวไร่บ้าง รวมทั้งที่ดินที่เข้าไปสู่ที่แปลงนี้ด้วย

5.ที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมรูปเว่า บนซ้ายติดแม่น้ำ บนขวาติดที่ดินที่มีการครอบครอง ล่างขวา ติดป่าสงวน(เขตอนุรักษ์) ซ้ายล่างติดลำห้วย ขนาด 49 ไร่เศษ

จึงเกิดปัญหาดังนี้

1.ชาวบ้านที่มีที่ดินติดด้านหนึ่งอ้างว่าที่ดินของ ข้าฯ มีแนวเขตบุรุกที่ดินของเขา ซึ่งเขาทำกินมานานมากแล้ว

2.ชาวบ้านเข้ามาทำกินในที่งอกริมแม่น้ำ และอ้างว่า เป็นเจ้าของที่ดิน ทำกินมานานมากแล้ว

3.ที่ดินอีกด้านตรงข้ามแม่น้ำ จนท.อนุรักษ์ ห้ามเข้าไปใช้ทำประโยชน์

ขอถามว่า

1.ข้าฯ มีสิทธิ์ที่ดีกว่า 1.1ผู้อ้างสิทธิ์ที่งอก 1.2 ผู้อ้างสิทธิ์ที่ดินทับซ้อน 1.3 กรมป่าไม้ ใช่หรือไม่

2. ทางเกวียนกลางที่จะเป็นที่สาธารณะได้อย่างไร ในเมื่อที่ดินโดยรอบเป็นพื้นที่ป่าสงวน และผู้มีอำนาจสั่งให้เป็นทางได้ (แปลงรอบๆที่ดิน)ก็คือ อธิบดีกรมป่าไม้ ใช่หรือไม่ และข้าฯอาจถูกปิดทางได้ ใช่หรือไม่

3.ที่งอกริมตลิ่งด้านริมลำห้วย ถ้าหากกลายเป็นการวัดที่ผิดพลาดมาแต่อดีต จนท.ที่ดินสามารถใช้ดุลยพินิจ ปรับเพิ่มได้ ใช่หรือไม่

4.ที่งอกริมแม่น้ำ ปรากฏว่าเมื่อสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว ระดับน้ำก็จะสม่ำเสมอมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จะทำให้ การวนิจฉัยที่งอกนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพราะ จนท.ที่ดินบอกว่าเป็นหน้าที่ของ จนท.กรมเจ้าท่า

5.เมื่อขอออกโฉนด จะขอให้ จนท.วัดรวมที่งอกทั้ง 2 ด้าน ไปในคราวเดียวกันเลย หรือ ต้องให้ออกเป็นโฉนดก่อน แล้วค่อยขอให้ทำโฉนดที่งอกในภายหลัง แล้วค่อยรวมโฉนด ซึ้งข้าฯ เกรงว่า ผู้อ้างสิทธิ์ที่งอก จะคัดค้าน หรือไม่ อย่างไรดี

6.ในการขอออกโฉนด ซึ้งวุ่นวายแปลงนี้ จะต้องมี จนท.จากไหนมาช่วยกันชี้เขตกันบ้าง

ขอแสดงความนับถือ

จากคนกรุงซื้อที่ทำสวน

เรียน คุณภาดร

การตอบคำถามที่ถามมา ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของข้อเท็จจริงในแต่ละเรื่อง การตอบไปอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือตอบผิดได้ จึงควรปรึกษาทนายความจะเหมาะกว่า