ต้องการสิทธิปกครองบุตรเพียงผู้เดียว
นายเอและนางสาวบี คบหาดูใจกันมา 8 ปี แต่ยังไม่ได้สมรสกัน นางสาวบีได้ตั้งครรภ์และคลอดบุตร เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 นายเอเป็นผู้ไปแจ้งเกิดและให้บุตรใช้นามสกุลของตน
ในขณะเดียวกัน นายเอได้คบหาดูใจกับนางสาวซีมา 7 ปี แต่ได้ทำการสมรสด้วย โดยนางสาวซีได้ตั้งครรภ์และคลอดบุตรเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 นายเอเป็นผู้ไปแจ้งเกิดแต่ใช้นามสกุลมารดา
นางสาวบีและนางสาวซีรู้จักกันโดยการแนะนำของนายเอ แต่ทั้งสองไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับนายเอ
เมื่อบุตรนางสาวบี อายุประมาณ 3 เดือน นางสาวบีได้ขอกลับบ้านที่อุตรดิตถ์ ไป 3 วัน คือวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ นายเอจึงฝากเพื่อนข้างห้องให้ช่วยเลี้ยงบุตรให้ แต่นางสาวบีได้ขอเดินทางไปตั้งแต่วันพุธ ซึ่งเพื่อนบ้านคนนั้นติดงานประจำ ไม่สามารถเลี้ยงเด็กได้ นายเอไปทำธุระกลับมาเห็นบุตรนอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง เพื่อนข้างห้องแจ้งว่านางสาวบีเดินทางไปขณะบุตรนอนหลับ ตนทำงานประจำอยู่ หากได้ยินเสียงเด็กร้อง จึงจะวิ่งมาดูให้ เนื่องจากบุตรยังเล็กต้องการความดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ จึงตัดสินใจนำบุตรไปเลี้ยงที่บ้านของนางสาวซี
เมื่อนางสาวบีกลับมา ได้พักอาศัยในห้องเช่าต่อไปโดยไม่ได้ประกอบอาชีพ ผ่านไปประมาณเดือนเศษ นายเอเห็นถึงความลำบากในการดูแลเด็กพร้อมกัน 2 คนของนางสาวซี และเห็นใจหัวอกแม่ของนางสาวบี ต้องการให้แม่ลูกอยู่ใกล้ชิดกัน จึงได้พานางสาวบีมาพักอาศัยที่บ้านนางสาวซี โดยมีหน้าที่ทำงานบ้านและดูแลบุตรตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2550 เป็นต้นมา
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 นางสาวบีทะเลาะกับนายเอ ได้เจรจาขอแยกทาง โดยยกบุตรให้นายเอเลี้ยงดู และไม่มีการติดต่อกันอีก จนผ่านไป 7 วัน นางสาวบีขอกลับมาคืนดีอีกครั้ง นายเอยินยอมเพราะไม่ต้องการให้ลูกกำพร้าแม่
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 นางสาวบีขอนำบุตรกลับไปเยี่ยมญาติที่อุตรดิตถ์ โดยขออยู่ 2-3 วัน นายเอขับรถไปส่งโดยตั้งใจจะรอรับกลับมาพร้อมกัน เมื่อครบกำหนดนางสาวบีได้ขออยู่ต่ออีก 2 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2550 นางสาวบีโทรหานายเอว่าจะเดินทางกลับโดยรถไฟถึงสถานีหัวลำโพงวันที่ 3 ธันวาคมเวลาประมาณ 15.00 น. นายเอไปรอรับไม่พบ โทรสอบถามกับมารดานางสาวบี ได้ความว่า นั่งรถไฟมาแล้ว นายเอไปรอรับอีกครั้งเมื่อไม่พบจึงได้โทรถามอีกรอบ คราวนี้มารดานางสาวบีแจ้งว่า จองตั๋วไม่ได้ นายเอไม่สามารถติดต่อนางสาวบีได้เนื่องจากโทรศัพท์มือถือหาย เมื่อเห็นว่าไม่ชอบมาพากล นายเอจึงขับรถไปอุตรดิตถ์ภายในวันนั้น ถึงตอนตี 3 แต่ไม่พบ จึงเดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความว่านางสาวบีและบุตรหาย แต่ตำรวจขอให้ลงแค่บันทึกประจำวัน ในขณะที่มารดานางสาวบีแจ้งข้อหาบุกรุกแก่นายเอ แต่ตำรวจเห็นว่าไม่เข้าข่ายบุกรุก จึงยกไป เมื่อนายเอเห็นว่าไม่สามารถพบนางสาวบีและบุตร อีกทั้งไม่สามารถสอบถามความจริงจากบุคคลใดได้ จึงจำต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แต่ได้พยายามโทรสอบถามบุคคลที่นางสาวบีเคยติดต่อซึ่งมีบ้านอยู่ติดกัน ไม่มีผู้ใดแจ้งว่าเห็นนางสาวบีหรือบุตร จึงโทรหาตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือติดตามนางสาวบีให้มาเจรจาว่าต้องการสิ่งใดจากการกระทำดังกล่าว
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2550 นางสาวบีได้โทรติดต่อนายเอ ว่าให้หยุดโทรก่อกวนบุคคลรอบข้าง และแจ้งแก่นายเอว่า จะขอเลี้ยงลูกที่บ้านอุตรดิตถ์ ไม่กลับมากรุงเทพอีกแล้ว นายเอได้เจรจาว่า ต้องการอะไรขอให้บอก จะยินยอมทำตามทุกเรื่อง ขอให้ได้ลูกมาเลี้ยงที่กรุงเทพเหมือนเดิม นางสาวบีขอคิดดูก่อน หลังจากนั้น ไม่มีการติดต่อกลับมา และโทรศัพท์มือถือก็ปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้
ขอถามว่า
1. นายเอต้องทำอย่างไรจึงจะมีสิทธิปกครองบุตรโดยชอบแต่เพียงผู้เดียว
2. หากจดทะเบียนรับรองบุตร ขอบเขตในการปกครองบุตรมีแค่ไหน
3. หากจดทะเบียนสมรส ขอบเขตในการปกครองบุตรมีแค่ไหน
4. หากอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลย ฝ่ายนางสาวบีมีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูได้หรือไม่ ต้องให้เวลาผ่านไปกี่เดือนถึงฟ้องร้องได้
5. หากเจรจาไกล่เกลี่ยไม่ได้ผล นายเอร้องขออำนาจศาลในการปกครองบุตร ศาลจะพิจารณาจากสิ่งไหนบ้าง
6. ทราบว่า ศาลจะให้อำนาจเลี้ยงดูเป็นของมารดา แต่หากมีผู้อื่นเป็นฝ่ายเลี้ยงดูเด็กและใช้เวลาอยู่กับเด็กมากกว่ามารดาแท้ ๆ บิดาสามารถนำความข้อนี้มาร้องศาลขอมีอำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวได้หรือไม่
|