เนื่องจากบริษัทก่อสร้างบ้านได้เจ้าที่ดินจากเจ้าของที่ดินเป็นเวลา 30 ปี ( พ.ศ. 2521) และทำการก่อสร้างบ้านเสร็จประมาณปี 2522 - 2523 โดยทางบริษัทก่อสร้าได้ทำสัญญาเช่าเซ้งตึกกับผู้เช่าเป็นเวลา 30 ปี นับจากวันที่สร้างตึกเสร็จ ซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2552 -2553 แต่ในระหว่างปี 2526 เกิดการฟ้องร้องระหว่างเจ้าของที่ดินและบริษัทก่อสร้างบ้าน ศาลตัดสินให้ทางบริษัทก่อสร้างคืนที่ดินที่เช่าให้แก่เจ้าที่ดินดังเดิม ดังนั้นเจ้าของที่ดินจึงไปร้องต่อศาลขอเก็บค่าเช่าจากลูกบ้านที่อาศัยบ้านเช่าเซ้งในที่ดินของเขาอยู่ แต่ศาลตัดสินให้ลูกบ้านอยู่ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่ารายเดือน แต่จะต้องเสียภาษีโรงเรือนทุกปี ขณะนี้ทางเจ้าของที่ดินได้ส่งเอกสารมาแจ้งให้ทราบว่าจะอาศัยอยู่ได้ถึง เดือนเมษายน 2551 หลังจากนี้หากจะอยู่ต่อจะต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละ 6000 บาท และค่าธรรมเนียมการเช่า 20000 บาท
ดิฉันขอถามว่า
1. พ่อแม่ดิฉันไม่ได้ทำสัญญาเช่าเซ้งกับทางบริษัทก่อสร้างบ้านโดยตรง พ่อแม่ดิฉันทำสัญญากับทางเจ้าของกรรมสิทธิ์การเช่าเซ้งคนก่อน ในจำนวน 25 ปี 4 เดือน เนื่องจากเขาอยู่ไปแล้ว ประมาณ 5 ปี โดยพ่อแม่ดิฉันย้ายเข้ามาอยู่ในปี 2527 และวันที่ทำการโอนสัญญาเช่าเซ้ง ได้ไปทำการกันที่สำนักงานเขต โดยผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้เซ็นต์โอนให้ และได้ค่าเซ็นต์ไปแล้ว ในเอกสารสัญญาระบุว่าเจ้าของที่ดินเป็นผู้รับมอบอำนาจแทน ดิฉันสามารถอยู่ได้ถึงปี 2552 ตามสัญญาเช่าเซ้งตึกได้หรือไม่ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า
2. ครอบครัวดิฉันมีโครงการจะย้ายบ้านในปี 2551 นี้ แต่จะเป็นช่วงประมาณปลายปี เพราะบ้านดิฉันกำลังก่อสร้างอยู๋ คาดว่าจะสร้างเสณ็จประมาณเดือน สิงหาคม 2551 ซึ่งจะไม่ทันกำหนดที่ทางเจ้าที่ดินแจ้งมาว่าอยู่ได้ถึงเมษายน 2551 ตามอายุสัญญาเช่าที่ดิน หากมีการฟ้องร้องกัน หมายศาลจะเดินทางมาถึงบ้านดิฉันต้องใช้เวลาประมาณเท่าใด และดิฉันสามารถร้องขอต่อศาลเพื่อที่จะอยู่ต่อ 4 - 5 เดือน โดยไม่จ่ายค่าเช่าบ้านได้หรือไม่
3.เพื่อนบ้านของดิฉันที่ทำสัญญาเช่าเซ้งตึกกับทางบริษัทสร้างบ้านตั้งแต่ก่อนบริษัทจะเกิดปัญหาการคืนที่ดินให้กับเจ้าของที่ดิน จะต้องยึดถือสัญญาเช่าเซ้งตึกหรือสัญญาเช่าที่ดินของทางเจ้าของที่ดิน
1. เมื่อศาลตัดสินแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล
2. ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปเจรจากันในชั้นศาล
3. โดยปกติคำพิพากษาของศาลใช้ได้แต่เฉพาะคู่ความ แต่ถ้าเป็นเรื่องบางเรื่องก็อาจใช้กับคนอื่นได้ ดังนั้นจึงต้องไปดูคำพิพากษานั้น ควรถามทนายความที่เกี่ยวข้อง