ดิฉันได้แต่งงานกับสามี เป็นเวลา 3 ปีแล้วแต่ยังไม่มีบุตรและสามีดิฉันไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูดิฉันเลย เนื่องจากสามีมีหนี้สินล้นตัว และแม่สามีเป็นโรคเกี่ยวกับตับเบาหวานและปากค่อนข้างหาเรื่องทุกครั้งที่มีเรื่องที่เกิดจากแม่สามี สามีจะบอกว่าแม่เปรอทุกครั้งเลย ซึ่งตั้งแต่แต่งงานมาได้มีเรื่องทะเลาะกับแม่สามีบางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแต่แม่สามีก็ไม่ยอม แต่ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาดิฉันได้โทรศัพท์ไปเคลียร์เรื่องที่แม่สามีก่อไว้กับญาติพี่น้องที่เค้าโทรมามวงเงิน 30,000 บาท แต่ปรากฎว่าญาติพี่น้องทางฝ่ายแม่สามีได้ต่อว่าดิฉันต่าง ๆ นานา และดูถูกดิฉันมาก เค้าบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดแม่สามีดิฉันเป็นคนโทรไปฟ้อง ซึ่งตอนนั้นดิฉันได้หมดความอดทน จึงเกิดความโมโหบันดาลโทสะว่าแม่สามีหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ดิฉันอีกแล้ว ดิฉันจึงลงไม้ลงมือกับแม่สามี แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะและลงไม้ลงมือสามีดิฉันจะอยู่ในเหตุการณ์ทุกครั้ง ซึ่งสามีจะรู้ว่าสิ่งที่ดิฉันได้กระทำลงไปเพราะด้นเหตุมาจากแม่สามีปากไม่ดี หาเรื่องเค้าอยู่ตลอด จนกระทั่งช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนดิฉันได้เดินทางไปต่างจังหวัดก็เกิดเหตุการณ์ที่แม่สามีหนีออกจากบ้าน แล้วลูกชายก็ตามหาตัวจนเจอ สามีได้นำแม่สามีไปหาที่บ้านแม่ของฝ่ายหญิง เพื่อให้ดูบาดแผลที่เกิดขึ้น ที่บ้านฝ่ายหญิงให้สามีดิฉันพาแม่สามีไปหาโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว ซึ่ง ณ ขณะนั้นดิฉันได้โทรศัพท์ติดต่อกับสามีตลอด ว่าแม่สามีเป็นอย่างไรบ้าง เค้าก็บอกว่าแม่กลัวแม่ไม่อยากกลับบ้าน ดิฉันก็บอกว่าให้เค้าอดทน พยายามให้แม่กลับบ้านเราดีกว่า แต่ไม่นึกว่าสามีดิฉันจะอาศัยช่วงเวลาที่ดิฉันไม่อยู่เก็บเค้าของส่วนตัวดิฉันพร้อมสัตว์เลี้ยงหอบมาไว้ที่บ้านฝ่ายผู้หญิงโดยไม่ได้บอกกล่าว อะไรเลย เมื่อดิฉันกลับมาถึงกรุงเทพจะเข้าไปหยิบสัมภาระที่บ้านก็เข้าไม่ได้เนื่องจากสามีดิฉันได้เปลี่ยนกุญแจทุกดอกในบ้าน ซึ่ง ณ ขณะนี้ดิฉันก็เข้าไปในบ้านเพื่อหยิบของใช้ส่วนตัวไม่ได้เลย และสามีดิฉันบอกว่าขอหย่า
ไม่ทราบว่าดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ เพราะดิฉันรักเค้ามาก ดิฉันไม่อยากเลิกกับเค้าค่ะ
เป็นลูกสะใภ้แล้วลงไม้ลงมือเอากับแม่สามี เช่นนี้ ทางกฎหมาย เขาก็ถือว่าเป็นเหตุหย่าได้ คงยากกระมังที่จะให้เขาอยู่กับคุณต่อไป