เมื่อ ต้นปี ๒๕๔๕ ดิฉันมีผู้ชายที่มีภรรยาแล้วมาติดพัน แล้วภรรยาเข้าได้มาด่าว่าดิฉันเป็นภรรยาน้อยของสามีและข่มขู่ ในที่ทำงาน ซึ่งเป็นสถานที่ราชการและมีผู้เห็นเหตุการณ์มากมาย ด้วยความกลัวดิฉันจึงไปแจ้งความว่าถูกด่าและข่มขู่เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง หลังจากนั้นดิฉันและผู้ชายคนนั้นเริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้นด้วยความเห็นใจ จึงมีความสัมพันธ์กัน ทำให้มีบุตรร่วมกัน ๑ คน ในปลายปี ๒๕๔๖ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และไม่ได้รับรองบุตร ต่อมาเขาและภรรยาจึงตกลงหย่ากัน ในกลางปี ๒๕๔๗ หลังจากนั้นเขาไม่ได้ติดต่อกับทางครอบครัวเก่าอีกเลย และมาอยู่กินกับดิฉันโดยเปิดเผย จนถึงบัดนี้ เป็นเวลา ๓ ปี จนกระทั่งเมื่อประมาณ ๑ เดือนที่แล้ว ลูกที่เกิดกับภรรยาเก่าของเขาไม่สบาย เขาจึงกลับไปเยี่ยม และได้รับการข่มขู่ว่าหากไม่เลิกติดต่อกับดิฉัน จะร้องเรียนให้ดิฉันได้ออกจากงานเนื่องจากแจ้งความเท็จ และไม่มีศีลธรรมจริยธรรม รวมทั้งเขาจ้างคนคอยสอดส่องดูพฤติกรรมรวมทั้งถ่ายรูป ของดิฉันและสามีตลอดจนถึงบัดนี้ เพื่อรอฟ้องดำเนินคดี จากเหตุการดังกล่าว ขอหารือดังนี้
๑.เขาจะฟ้องว่าดิฉันแจ้งความเท็จเมื่อ ปี ๒๔๔๕ ได้หรือไม่ ในเมื่อตอนนั้นเขาไปด่าจริงๆ โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์
๒.หากสามีดิฉันจะจดทะเบียนรับรองบุตรตอนนี้จะมีความผิดอะไรหรือไม่ ถ้าเขาฟ้องย้อนหลังในตอนนี้ว่าเป้นชู้กับสามีเขา เมื่อก่อน หากเราไปจดทะเบียนรับรองบุตร
๓.เขามีสิทธิมาข่มขู่หรือฟ้องร้องดิฉันได้ในกรณีใด บ้าง
๔.ดิฉันมีสิทธิแจ้งความที่เขามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของดิฉันจ้างคนติดตามดูพฤติกรรม ตอนนี้ได้หรือไม่
๕.ตอนนี้ดิฉันและสามีต้องคอยพบกับแบบหลบ ๆซ่อนๆ ด้วยความกลัว เนื่องจากดิฉันสอบติดข้าราชการ รอสอบสัมภาษณ์ ไม่อยากให้มีปัญหาร้องเรียน ทำอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ จะทำอย่างไรดี
1. ถ้าสิ่งที่ไปแจ้งความไม่ได้เป็นเท็จ เขาก็เอาผิดคุณไม่ได้
2. แทนที่จะจดทะเบียนรับรองบุตร ก็ทำไมไม่จดทะเบียนสมรสกันเสียเล่า เมื่อจดทะเบียนสมรสแล้วบุตรก็จะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายโดยอัตโนมัติ
3. เมื่อเขาหย่าไปแล้ว จึงไม่มีสิทธิ
4. ได้
5. ทำอย่างที่บอกไว้ในข้อ 2