-ต้นปี 50 พี่สาวสามีมาขอใช้ที่อยู่เพื่ออ้างอิงจดทะเบียนบริษัท(ขายสินค้าผ่านอีเบย์)

-หลายเดือนต่อมามีจดหมายแจ้งจากกรมสรรพากรให้เจ้าของบริษัทติดต่อหลายครั้ง(ทุกฉบับมอบให้พี่สาวสามี)และพี่สาวเค้าบอกว่าถ้าทางสรรพากรติดต่อมาให้แจ้งว่าบริษัทปิดแล้ว

-เดือนต.ค-พ.ย มานี้ได้รับจดหมายแบบลงเบียนจากกรมสรรพากรอีกหลายฉบับ

สามีก็ส่งมอบจดหมายให้พี่สาวของเขาเช่นทุกครั้ง กระทั่งสัปดาห์ที่แล้วสามีถือวิสาสะเปิดจดหมายดู เนื้อความทำนองว่าจะดำเนินตามกฏหมาย-จากนั้นสามีติดต่อกรมสรรพากรปรากฏว่าบริษัทยังไม่ได้แจ้งปิดและหลังจากสรรพากรส่งจดหมายแล้วยังไม่เคยได้รับการติดต่อกลับจากเจ้าของบริษัท

และทางกรมสรรพากรย้ำด้วยว่าในฐานะที่สามีเป็นเจ้าของสถานที่จึงต้องเสียภาษีด้วย ซึ่งทางเราไม่ทราบเพราะไม่ได้รับเงินเป็นค่าเช่าเพียงแต่ช่วยเหลือฐานะพี่น้องในการของใช้ที่อยู่(ห้องคอนโด)อ้างในการจดทะเบียนการค้าเท่านั้น เราเองก็ไม่เคยทราบว่าเค้าขายสินค้าอะไร

แต่ทางสรรพากรเค้าไม่รับรู้แต่จะดำเนินการตามที่ปรากฏตามเอกสารเท่านั้น

ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องจ่ายปลายปีไม่เช่นนั้นต้องเสียค่าปรับหากเพิกเฉย

สามีมาปรึกษา ดิฉันจึงบอกว่าควรทำให้ถูกต้องตั้งแต่ต้นตามขั้นตอน และควรจะติดต่อกับทางสรรพากรไม่ควรเพิกเฉยละเลย

และทางเขาได้รับข้อมูลมาว่าหากเจ้าของสถานที่เพิกเฉยไม่แนบเอกสารเสียภาษีสิ้นปีเกิน 5 ปีก็โมฆะเพราะไม่งั้นพี่สาวของเขาจะต้องจ่ายภาษีเยอะทั้งที่ไม่ได้ค้าขายแล้ว (ดิฉันไม่ชอบการคิดลักษณะนี้ จึงอยากทราบโทษเป็นอย่างไร เผื่อจะได้แนะเค้าจะได้ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง  ตอนนี้ทะเลาะกันค่ะ  ค่อนข้างละเอียดอ่อนเรื่องญาติพี่น้องในเมื่อความคิดเห็นสวนทางกัน)

หากเค้ายืนยังเหมือนเดิมดิฉันค่อนข้างห่วงสถานภาพในฐานะจดทะเบียนเป็นภรรยาจะต้องเข้ามามีส่วนรับผิดชอบกับความไม่รับผิดชอบของคนอื่นในภายภาคหน้าหรือไม่

***ส่วนตัวดิฉันเป็นคนพึงระวังกับเรื่องเอกสารและเครดิตส่วนตัวมากทีเดียวจึงไม่อยากมีปัญหาใดๆ

ขอบพระคุณค่ะ 

สามีคุณก็เหมือนกับคนไทยทั่ว ๆ ไป คืออะไรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมักจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ และมักจะคิดว่าวิธีคิดง่าย ๆ นั้นจะแก้ไขปัญหาได้ กว่าจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กก็มักจะล้มละลาย หรือเสียทรัพย์สินจนหมดตัว  ว่าง ๆ ก็ลองเข้าไปอ่านคำถามคำตอบของคนอื่น ๆ ดูบ้างว่าแต่ละคนเจออย่างไร