ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    024605 เป็นหนี้เพิ่มเรื่องซื้อที่ดินH2O15 พฤศจิกายน 2550

    คำถาม
    เป็นหนี้เพิ่มเรื่องซื้อที่ดิน

    ประมาณปี พ.ศ.2540 ดิฉันได้ซื้อที่ดินที่ จ.ฉะเชิงเทรา ราคาประมาณ 300,000 กว่าบาท โดยผ่อนกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ไปได้ประมาณ 60,000 กว่าบาทต่อมาช่วงฟองสบู่แตกเศรษฐกิจตกต่ำ ดิฉันกับสามี ตกงาน เลยไม่มีเงินที่จะผ่อนต่อ ธนาคารก็ทำจดหมายมาเพื่อจะยึดที่และแจ้งว่าจะนำที่ไปขายทอดตลาด แต่ดิฉันก็ไม่ทราบว่าขายทอดตลาดได้เท่าไร แต่ที่ดินถูกยึดไปแล้ว ก็นึกว่าเรื่องจะจบ แต่เมื่อประมาณกลางปีที่ผ่าน มากลับมีจดหมายจากธนาคารติดต่อมาที่บ้านว่าดินฉันยังเป็นหนี้ จากที่ดินผืนนี้อยู่อีก 500,000 กว่าบาท ซึ่งเกินราคาที่อีก ดิฉันจะต้องทำอย่างไรค่ะ ในเมื่อที่ก็ไม่ได้ แถมเงินก็ผ่อนไปแล้วส่วนหนึ่ง แถมยังเป็นหนี้อีกกว่าเท่าตัว คนล้มแล้วยังซ้ำอีก ตอนนี้ก็ติดเบล็กลิสต์อีก จะผ่อนบ้าน,คอนโด ก็ไม่ได้ ดิฉันควรจะต้องทำยังไงต่อไปค่ะ แต่จะให้จ่ายก็คงยอมไม่ได้ เพราะที่ก็ไม่ได้เป็นของเราแล้ว

    ช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    คำตอบ
    คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าเมื่อเป็นหนี้เขา และเจ้าหนี้ยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาดแล้วก็เป็นอันจบกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดและเป็นอันตรายต่อตัวเองเป็นอย่างมาก  เพราะหลักมีอยู่ว่าเมื่อเป็นหนี้เขาแล้ว ตราบใดที่ยังชำระหนี้เขาไม่หมด หนี้นั้นก็จะยังคงมีอยู่และมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกวัน  และดอกเบี้ยในระหว่างเวลาที่ผิดนัดไม่ชำระหนี้นั้น มักจะเป็นดอกเบี้ยในอัตราที่สูง บางรายก็สูงถึงร้อยละ ๒๐ ต่อปี ซึ่งแปลว่า เมื่อเวลาผ่านไปสี่ปีเศษ ดอกเบี้ยก็จะท่วมต้น  และโดยที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจในกฎหมาย และมักจะคิดเอาเองว่าตัวรู้กฎหมาย ผลจึงเกิดขึ้นอย่างกรณีของคุณ   การที่คิดว่า "จะให้จ่าย ก็ยอมไม่ได้ เพราะที่ก็ไม่ได้เป็นของเราแล้ว" นั้น เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะเขาไม่ได้สนใจว่าที่ดินนั้นคุณจะได้หรือไม่ เขาสนใจแต่ว่าคุณไปกู้หนี้เขามาซื้อที่ดิน เมื่อหนี้นั้นยังชำระไม่หมด คุณก็มีหน้าที่ต้องชำระพร้อมทั้งดอกบี้ยเรื่อยไป  ส่วนที่ดินนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่เขายึดเพื่อนำไปขายเอาเงินมาชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งโดยปกติเขาจะนำไปชำระดอกเบี้ยก่อน เงินต้นจึงยังไม่ได้รับการชำระ และเมื่อยังไม่ได้รับการชำระเงินต้นนั้นก็สร้างดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อชำระยังไม่ครบเจ้าหนี้ก็จะตามมายึดทรัพย์สินอื่นไปขายอีกจนกว่าจะชำระหนี้ครบถ้วน ถ้ายึดจนไม่มีอะไรแล้ว และดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจนรวมกันเป็นหนี้ถึงหนึ่งล้านบาทเมื่อไร เขาก็มาฟ้องล้มละลายได้
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    15 พฤศจิกายน 2550