สวัดดีครับ อาจารย์ มีชัย

ผมมีปัญหาอยากถามว่า
1. หากเจ้าของที่ดินต้องการขายที่ดินที่เอาไปค้ำประกันเงินกู้เกินวงเงิน  เพื่อนำเงินมาใช้คืน บรรษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการฟ้องร้องในชั้นศาล มีสิทธิสามารถทำได้หรือไม่ และต้องแจ้งให้ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ ทราบก่อนหรือเปล่า และควรทำอย่างไร

2. หากสามารถหาผู้ซื้อที่ดินได้ราคาสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับยอดหนี้ ทางบรรษัทบริหารสินทรัพย์ จะยอมรับหรือไม่ หากไม่ได้แจ้งไว้ แต่มีความตั้งใจว่าจะขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้

3.ควรที่จะแจ้งให้ผู้ซื้อรู้ว่าที่ดินอยู่ระหว่างการฟ้องร้องหรือไม่ เพราะกลัวว่าราคาที่ดินจะถูกกดลงไป หรือไปรอซื้อเอาตอนขายทอดตลาด ซึ่งราคาอาจจะไม่พอกับยอดหนี้ที่ค้าง และไม่อยากซื้อ (จริงๆควรจะบอกใช่ไหมครับ) ควรทำอย่างไรดี

4.หากถูกฟ้องให้นำไปขายทอดตลาดหรือประมูลแล้ว ราคาขายไม่สูงตามที่ต้องการหรือไม่พอกับยอดหนี้ เจ้าของที่ดินมีสิทธิสามารถขอให้ยกเลิกการขายครั้งนี้ได้หรือไม่

5.มีค่าใช้จ่ายในชั้นศาลเท่าไหร่ระหว่างดำเนินฟ้องร้อง และต้องเสียดอกเบี้ยต่ออีกรึเปล่า

6.ตามกฏหมายแล้วจะใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะถูกบังคับให้ขายทอดตลาด

7.ถ้าขอให้เขาลดหนี้ลงมาอีก แล้วเขาไม่ยอมควรทำอย่างไร หรือขอร้องศาลให้ช่วยจะได้ไหม และขอให้ระหว่างดำเนินไม่เสียดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายใดๆได้ไหมครับ

ถามยาวไป ขอโทษด้วยครับ และอาจารย์กรุณาช่วยหาทางสว่างให้ทีครับ
ถึงผมไม่ได้เป็นคนสร้างหนี้สินขึ้นมา แต่ก็ต้องช่วยรับผิดชอบ เลยอยากหาความกระจ่าง และข้อมูลเท่าที่ทำได้

ขอบคุณครับ

เรียน esme522

1. ต้องแจ้งให้ บสท.ทราบซี เพราะหากขายได้จริง ในเวลาที่โอนที่ดินก็ต้องให้เขามารับชำระหนี้และปลอดจำนองให้พร้อม ๆ กับการโอนขายที่ดิน

2. ถ้า บสท.ได้รับการชำระหนี้หมด เขาก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะไม่ยอม

3. ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งก็ได้ ถ้าได้ความยินยอมจาก บสท.แล้ว

4. ถ้าราคาที่ขายได้ต่ำเกินไป ก็อาจร้องขอให้ประมูลใหม่ได้

5. ดอกเบี้ยน่ะ ไม่ว่าฝนจะตกหรือฟ้าจะร้อง ดอกเบี้ยก็เดินเรื่อยไป

6. ขึ้นอยู่กับการดำเนินคดีว่าใช้เวลานานเท่าใด

7. การเจรจาเป็นเรื่องที่ทำได้เสมอ ส่วนจะตกลงกันได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง