เรียนท่าน อ.จ. มีชัย ที่เคารพยิ่ง

เรื่องที่จะเรียนถามท่าน อ่านแล้วยังไม่เจอจึงขอรบกวนถามท่าน อ.จ. ดังนี้

หลานของผมยืมเงินจาก นาย ก. โดยมีสัญญากู้ยืมเป็นเงินจำนวน 300,000.00 บาท ได้ชำระไปแล้ว 100,000.00 บาท ยังค้างชำระอีก 200,000.00 บาท

และไม่ได้ชำระอีกเลย ต่อมาเจ้าหนี้ได้ทวงถามและฟ้องดำเนินคดี ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำเลยชำระหนี้เงินต้น พร้อมดอกเบี้ยอีก สองแสนกว่าบาท

รวมเป็น สี่แสนกว่าบาท จำเลยอุทธรณ์ศาลสั้งให้วางหลักประกัน ซึ่งจำเลยได้วางหลักประกัน เป็นโฉนดที่ดิน และ สลากออมสิน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยืน ให้จำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยไม่มีเงินชำระ

ต่อมาโจทก์เสียชีวิต  ผมได้คุยกับภรรยาโจทก์ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก

ขอร้องให้ลดยอดเงินที่จะต้องจ่าย  ซึ่งได้รับความเมตตาจากภรรยาโจทก์เป็นอย่างมาก โดยลดให้เหลือเท่าที่ จำเลย( หลาน) สามารถหามาชำระได้ แต่ที่นี้

ติดที่การดำเนินการในด้านศาล เนื่องจากผู้จัดการมรดกยังไม่เคยเข้ามาในคดีนี้ แต่มีเมตตาที่จะให้เรื่องจบลง เพื่อเห็นแก่หลานผม  ผมจึงอยากจะดำเนินการ

แทนโจทก์ในส่วนที่เป็นไปได้ เมื่อ โจทก์( ผู้จัดการมรดก) มา จะได้เสร็จในวันเดียว คดีเกิดขึ้นที่ จ. เชียงใหม่ หลานอยู่เชียงใหม่ โจทก์อยู่ กทม. เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ผมจึงอยากเรียนถามขั้นตอนตามกฎหมายว่าควรจะดำเนินการอย่างไร เพื่อความรวดเร็วและสดวกแก่โจทก์ (ผู้จัดการมรดก) ซึ่งมีหน้าที่การงานในราชการที่ต้องรับผิดชอบมาก และไม่มีเวลามากนักที่จะต้องเดินทางมาเชียงใหม่ เพื่อยุติคดี ผมจึงขอเรียนถามท่านว่า ขั้นตอนการดำเนินการ จะต้องทำอย่างไร โจทก์จำเป็นต้องมีทนายความหรือไม่ หรือทนายจำเลยสามารถที่จะดำเนินการแทนได้ ในบางเรื่อง เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของโจทก์ สำหรับค่าเดินทางและค่าทนาย

จึงเรียนขอความกรุณาจากท่านด้วยครับ

เห็นท่านจากข่าว สุขภาพยังแข็งแรง รู้สึกยินดี ที่ท่านจะได้เป็นที่พึ่งของพวกผม

ไปอีกนานๆ

                                         ด้วยความเคารพอย่างสูง ธนาธิป (ชาตรี)

ไหน ๆ ก็มีทนายความอยู่แล้ว น่าจะให้ทนายความเขาแนะนำและดำเนินการให้