ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    024073 สิทธิ์ในการดูแลบุตรและสินสมรสขาดที่พึ่ง15 ตุลาคม 2550

    คำถาม
    สิทธิ์ในการดูแลบุตรและสินสมรส

    ดิฉันได้อย่ากับสามีมา 3 ปี มีบุตร 1 คน อายุ 5 ขวบ ระหว่างแต่งงานได้มีหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินเป็นจำนวน สี่แสน บาท และ มีการกู้ซื้อบ้านร่วมกัน โดยใช้ชื่อในการซื้อบ้านร่วมกัน 3 คน คือตัวดิฉัน แม่สามี และ สามี ซึ่งระหว่างแต่งงานได้ร่วมชำระด้วยกัน ต่อมาได้อย่าขาดจากกัน เนื่องจากสามีมีผู้หญิงอื่น หลังจากหย่า ได้มีการเซ็นตกลงในใบหย่ากันว่า สิทธิในการดูแลบุตรเป็นของดิฉัน  สามีจะต้องจ่ายค่าดูแลบุตรให้กับดิฉันเป็นจำนวนเงิน เดือนละ 1 หมื่นบาททุกเดือนจนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ รวมทั้งค่าเทอมของบุตร

    แต่หลังจากหย่ากันสามีไม่ยอมจ่ายค่าชำระหนี้สินที่กู้สถาบันการเงินมาร่วมกันโดยให้เหตุผลว่า ชื่อผู้กู้เงิน จากสถาบันการเงินต่างๆเป็นชื่อของดิฉันแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช้ชื่อของสามี ฉะนั้นดิฉันต้องจ่ายแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นภาระใหญ่มาก เนื่องจากเงินที่ต้องชำระค่างวดรายเดือนแต่ละเดือน มากกว่าเงินเดือนของดิฉันที่ได้รับมา ทำให้ดิฉันไม่สามารถที่จะดูแลบุตรได้ จึงยอมให้บุตรอยู่ในความดูแลของทางบ้านสามีซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านหลังที่ซื้อร่วมกัน โดยบ้านหลังดังกล่าว ได้มีแม่สามี น้องสาวสามี บุตรของดีฉัน และสามีซึ่งไป ๆ มา ๆ ต่างจังหวัด เพราะอาชีพเป็นเซลล์ อาศัยอยู่  ค่าผ่อนบ้าน หลังจากหย่าปีแรกดิฉันก็ยังผ่อนชำระร่วมกันอยู่ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เพราะดิฉันคิดว่าลูกของดิฉันอาศัยอยู่ด้วย แต่พอปีที่สองหลังจากการหย่าดิฉันให้เหตุผลไปว่า ไม่สามารถร่วมผ่อนชำระค่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ ได้เนื่องจากหนี้สินที่ทางฝ่ายสามียกมาให้ดิฉันหมดทุกอย่าง และเป็นหนี้สินจำนวนมาก

    ดิฉันได้ย้ายออกจากบ้านที่ซื้อร่วมกันมาอยู่ หอพักซึ่งเป็นสวัสดิการของที่ทำงานเพียงคนเดียวซึ่งไม่สามารถนำบุตรมาอยู่ด้วยได้เพราะเป็นกฎของหอพักให้เฉพาะผู้ที่เป็นโสดเท่านั้นอาศัยอยู่ และดิฉันได้ทำงานแบบหนักมากเพราะต้องทำงานให้เยอะขึ้นเพื่อที่จะได้เงินมาพอใช้หนี้แต่ละเดือน จึงทำให้ไม่มีเวลากลับไปหาบุตรซึ่งฝ่ายแม่สามีเป็นผู้เลี้ยงดูได้เป็นประจำ ดิฉันจะกลับไปหาบุตร อาทิตย์ละหนึ่งวัน ทุกเดือนดิฉันจะให้ค่าเลี่ยงดูบุตรแก่ทางแม่สามี ซึ่งในตอนแรกตกลงกันว่าจะจ่ายให้บุตรคนละเดือนละ 2500 บาท  แต่ดิฉันไม่แน่ใจว่าทางฝ่ายสามีทำตามข้อตกลงหรือเปล่า เนื่องจากมักจะได้รับการแจ้งกลับมาว่าเงินไม่พอจ่าย บุตรของดิฉันกินเยอะ ซึ่งดิฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นความจิง เด็ก อนุบาล 2 จะกินได้เยอะจริงหรือ ส่วนค่าเทอมในการเรียนก็ให้จ่ายกันคนละเทอม

    มาช่วงหลังดิฉันกลับไปก็ได้เห็นใบแจ้งหนี้ต่างๆ ซึ่งเป็นชื่อของสามีจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่า สามีได้มีการกู้เงินมาใช้ฟุ่มเฟือยจ่ายหลังจากหย่าจำนวนมาก และทางบ้านของสามีได้มีการทิ้งของใช้ส่วนตัวในห้องของดิฉันออกไป แม้กระทั่งแปรงสีฟันของดิฉัน ล่าสุดทางบ้านของสามีได้ทำการบอกกับดิฉันว่า ตัวของสามีได้โดนไล่ออกจากงาน สาเหตุเนื่องจากโกงเงินบริษัทออกมา แล้วให้ดิฉันรับผิดชอบเรื่องค่าเทอมของบุตรและค่าใช้จ่ายของบุตรเพิ่มมากขึ้น

    ดิฉันได้มีสามีใหม่หลังจากหย่ากันมา 2 ปี สามีใหม่ดิฉันได้เข้ามาช่วยชำระหนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆให้ลดลง ทำให้ดีฉันมีชีวิตที่ดีขึ้น มีเงินเดือนเหลือพอที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ลำบากมากนัก ดิฉันได้พาบุตรของดิฉัน มาเที่ยวที่บ้านของสามี ซึ่งบุตรของดิฉันก็ชอบและทางบ้านของสามีใหม่ก็เอ็นดูบุตรของดิฉันอย่างไม่รังเกียจ

    แต่มาเมื่อวันที่ 25 กันยายน ทางบ้านสามีเก่าได้มีการบอกดิฉันว่า จะทำการขายบ้านที่ซื้อร่วมกันออกไป เพื่อนที่จะนำเงินมาใช้หนี้ให้กับสามีเก่า จำนวนหนึ่งและจะนำเงินส่วนหนึ่งมาดาวน์บ้านหลังใหม่เพื่อนที่จะให้บุตรอยู่ โดยไม่ทำการปรึกษาดิฉันเรื่องที่จะขายบ้าน และไม่มีส่วนแบ่งของดิฉัน มีแต่บอกว่า จะดูให้ว่าดิฉันต้องมาเซ็นขายร่วมใหม ทำให้ดิฉันรู้สึกแย่มากๆกับการกระทำของทางครอบครัวนี้ ที่เหมือนปลิงคอยสูบเงินจากดิฉัน ดิฉันไม่มั่นใจว่า เงินที่ดิฉันจ่ายให้ทุกเดือน ไปถึงบุตรของดิฉันใหม เนื่องจากน้องสาวที่มาอยู่ด้วย ไม่ได้ทำงาน แต่สามารถมีเงินซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยต่างๆได้ หากเดือนใหน ดิฉันให้เงินไม่ครบ จะมีการโทรมาทวงมาตลอดเวลาว่าเมื่อไรจะจ่ายครบโดยไม่สนใจว่าดิฉันจะมีเงินหรือไม่

    ดิฉันจึงตัดสินใจ แจ้งทางบ้านสามีเก่าว่า ดิฉันพร้อมแล้วที่จะขอนำบุตรมาเลี้ยงเอง และจะมาให้อยู่กับทางบ้านของสามีใหม่ โดยที่ทางบ้านของสามีเก่าไม่ต้องมาช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ทุกอย่าง เพื่อที่จะได้ช่ายลดภาระจะได้นำเงินไปใช้หนึ้ที่ทางบ้านสามีเก่ามีอยู่อย่างท่วมท้น และดิฉันขอเงินส่วนที่ต้องการจะขายบ้าน หนึ่งส่วนซึ่งเป็นส่วนของดิฉัน มาเพื่อที่จำนำมาจ่ายหนี้ที่เกิดจาก การกู้ระหว่างแต่งงานทั้งหมด จะได้จบๆ กันไป หากทางบ้านสามีเก่าต้องการนำไปดาวน์บ้านให้บุตรอยู่ดิฉันบอกว่าไม่ต้อง เพราะดีฉันจะรับมาอยู่เอง เพราะดิฉันคิดว่า หากให้ไป หนี้เก่าก็ยังใช้ไม่หมด แล้วฝ่ายชายก็ไม่มีงานทำ แม่สามีก็อายุเยอะ ขายบ้านมาดาวน์บ้านใหม่ มันเป็นการไม่สมควร เพราะอาจจะไม่มีกำลังผ่อนได้ เหมือนเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองมากขึ้นอีกไม่จบไม่สิ้น และดิฉันจะได้ตัด จากบ้านนี้ แบบไม่ต้องมีเรื่องบุตรมา เป็นข้ออ้างต่างๆ

    ดิฉันจึงอยากขอกราบเรียนถามคำถามว่า

    1.ดิฉันมีสิทธิในการรับบุตรมาดูแลกับสามีใหม่ได้หรือไม่ เพราะดิฉันได้เคยนำบุตรอยู่ด้วยแล้วและทางญาติสามีเก่าได้มาเอาคืนไปโดยอ้างบุญคุณ ที่เคยมีต่อกันมา แค่ตอนที่ดิฉันแต่งงานแล้วยังไม่ได้ซื้อบ้าน และบอกว่ากลัวสามีใหม่จะข่มขืนลูกดิฉัน ดิฉันมั่นใจว่าไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ เพราะครอบครัวของสามีใหม่ดิฉันมีการศึกษาดี ไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย และ บุตรอยู่กับทางฝ่ายแม่ฝ่ายชายมานาน เลยมีการผูกพัน แต่ เพราะดิฉันมีเหตุจำเป็น ที่เกิดจากทางครอบครัวฝ่ายสามีเก่าทำให้ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ แต่ตอนนี้พร้อมที่จะเลี้ยงดูเองได้แล้ว

    2.เงินที่ได้จากการขายบ้านดิฉันมีสิทธิ์ ที่จะได้รับหรือไม่

    3.หนี้สินที่เกิดระหว่างแต่งงานดิฉันสามารถให้ฝ่ายชายมาร่วมรับผิดชอบได้หรือไม่

    4.สินใหมค่าเลี้ยงดูในตอนเซ็นใบหย่า ฝ่ายชายไม่เคยปฎิบัติแม้แต่ ครั้งเดียว ดิฉันสามารถทำอะไรได้หรือไม่

    5.ที่ดิฉันต้องการรับบุตรมาอยู่เนื่องจากดิฉันไม่มีความเชื่อมั่นในบ้านของฝ่ายชาย เพราะทางบ้านฝ่ายชายไม่เคยแสดงถึงความมีน้ำใจกับดิฉัน เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ หนี้สินท่วมตัว ไม่มั่นคง เพราะคำว่าไม่รู้จักพอ และแสดงออกให้เห็นว่าดิฉันไม่มีสิทธิ์ ในการรับบุตรมาอยู่ด้วย ทำให้ดิฉันกลัวว่าจะได้รับการปลูกฝังไปจนถึงลูกของดิฉันในพฤติกรรมไม่ดีแบบนี้ หากเทียบกับ การที่ทางฝ่ายสามีแจ้งว่า ทางเค้ามีความผูกพันมากกว่า ดิฉันมีวิธีควรทำอย่างไร

    6. ดิฉันไม่แน่ใจว่าเงินและค่าใช้จ่ายทุกบาทของดิฉัน ได้ไปถึงลูกดิฉันหรือว่าทางบ้านสามีนำไปหมุนชำระหนี้หรือปล่าว เพราะดิฉันจะขอมาเลี้ยงเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายต่างๆก็ไม่ยอม ที่ดิฉันคิดเพราะ ถึงขนาดต้องขายบ้านกิน เพราะบุตรหากยังอยู่ดิฉันก็ยังคงต้องส่งเงินให้ทุกเดือนจะเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้รึเปล่า ส่วนสามีไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงกันไว้ ดิฉันควรทำอย่างไร

    7.เมื่อวันที่ทางแม่ของสามีมาแย่งตัวบุตรไปจากมือดิฉัน เราได้มีการตกลงใจกันว่า บุตรจะอยู่กับใคร ซึ่ง คำแรกที่บุตรพูดคือ จะอยู่กับแม่ แต่ทางบ้านสามีได้ตะคอกใส่ลูกของดิฉัน ว่าจะอยู่กับใคร ทำให้เด็กต้องร้องไห้ กลัว และเปลี่ยนคำพูด ซึ่งระหว่างนั้น ทางบ้านของสามี ไม่ยอมให้ดิฉันเข้าไปจับต้องตัวบุตร เหมือนดิฉันไม่ใช่แม่ที่แท้จริง แล้วพาออกไป

    8.หากข้อแนะนำของอาจารย์ ว่าดิฉันไม่มีสิทธืในการรับบุตรมาเลี้ยงดูเอง ดิฉันมีจะวิธีอย่างไรเพื่อให้ได้รับบุตรมาเลี้ยง หรือดิฉันต้องรอเมื่อไรจึงจะมีสิทธิ



    ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ ที่ช่วยอ่าน และตอบคำถาม เพราะตอนนี้ดิฉัน ยังจำวันที่ทางฝ่ายแม่สามีมาแย่งลูกดิฉันไปจากมือ โดยไม่ได้ลาลูก สักคำ ได้เป็นอย่างดี ขอบคุณมากค่ะ

    คำตอบ

    1. เมื่อตามข้อตกลงในชั้นที่หย่ากัน คุณเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตร ดังนั้นคุณจึงมีสิทธิที่จะนำลูกมาดูแลได้

    2. มีสิทธิตามส่วน อย่างน้อยก็ หนึ่งในสาม

    3. ได้

    4. ฟ้องศาลให้บังคับให้จ่ายได้ แต่เมื่อศาลตัดสินแล้วเขาจะมีให้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    5. ก็ต้องเริ่มต้นทำให้ลูกติดคุณบ้าง

    6. ดูข้อ 4

    7. ดูข้อ 5


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    15 ตุลาคม 2550