อยากช่วยคุณแม่แก้ไขปัญหา
เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ
ดิฉันขอบคุณพระคุณมากนะค่ะ สำหรับคำตอบที่ส่งมาให้ครั้งก่อน แต่ดิฉันยังมีเรื่องคับข้องใจอีก เพราะมีปัญหามากมาย เกิดขึ้นกับท่านภายในระยะเวลา 2 ปี และดิฉันอยากจะช่วยคุณแม่ เพราะท่านทำงานหนักมาเพื่อลูกๆ ทั้งสามคนตามลำพัง ตั้งแต่คุณพ่อเสียไปตอนยังหนุ่ม นี้ก็ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่พ้นที่มีเรื่องต้องให้คุณแม่หนักใจและเป็นทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาจารย์จะช่วยชี้แนะและหาทางออกที่ดีที่สุดให้ได้ ซึ่งเรื่องราว มีดังนี้
ตั้งแต่ ปี 2540 คุณแม่ของดิฉันได้ตกลงอยู่กินฉันสามีภรรยากับ นาย ก (ต่างชาติ) แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน รวมเป็นเวลาประมาณ 8 ปี แต่ต่อมาเมื่อปี 2548 นาย ก แอบไปมีอะไรกับเพื่อนเรียนสมัยตอนเด็กๆ ของพี่สาว (รุ่นลูก แล้วเคยเป็นลูกศิษย์ของคุณพ่อ) แล้วต่อมาคุณแม่จับได้ว่าทั้งสองแอบมีอะไรกัน แล้วนาย ก เลยขอเลิกรากับคุณแม่ แต่ทั้งสองยังมีความผูกพันในบริษัทที่ทำร่วมกัน
ซึ่งบริษัทนี้ ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อ ปี 2543 ตั้งอยู่เลขที่ 51/6 โดยทั้งสองได้ลงทุนเปิดบริษัท ก ด้วยวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการซื้อขาย-ขายอสังหาริมทรัพย์ (สร้างบ้านสำเร็จรูป แล้วขายให้กับชาติต่างชาติ) โดยเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นของนาย ก ส่วนคุณแม่จะเป็นจัดการในเรื่องการจัดตั้งบริษัทฯ, การซื้อที่ดิน, การขออนุญาติในก่อสร้าง, การติดต่อและประสานงานในส่วนราชการ และอื่นๆ อีกทั้งได้นำรถยนต์ส่วนเป็นชื่อบริษัท เพื่ออาไว้ใช้สอยในบริษัทด้วย
ในบริษัทนี้ นาย ก ถือหุ้น 49% คุณแม่ 32% ดิฉัน 15% ญาติ 3 คน คนละ 1% และคนรู้จัก อีก 1% อีกอย่างเงินที่ได้จากการขายบ้าน นาย ก จะให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวในต่างประเทศส่วนหนึ่ง และอีกส่วนเข้าบัญชีบริษัท ก ดังนั้นราคาขายบ้านพร้อมที่ดินตามจริงจึงไม่ตรงกับราคาที่แจ้งกับกรมสรรพกร
คำถามมีดังนี้ :
1. ทุกครั้งที่มีการซื้อที่ดิน โฉนดที่ดินทุกแปลงจะโอนไว้เป็นชื่อคุณแม่ แต่เงินที่นำมาซื้อที่ดินนั้นจะเป็นเงินสดและเช็คของนาย ก แล้วโฉนดที่ดินบางส่วน ได้ซื้อจากเงินเกิน จากที่บอกขายที่ดินเกินราคาให้กับลูกค้า เพราะคุณแม่เป็นนายหน้าซื้อ-ขายที่ดินด้วย ถ้าหากมีการซื้อ-ขายบ้าน คุณแม่ถึงจะได้เซ็นโอนโฉนดที่ดินให้เป็นชื่อลูกค้าเท่านั้น แล้วยังมีที่ดินอยู่ประมาณ 3 แปลง ที่ยังเป็นชื่อของคุณแม่ (ซึ่งราคาประเมินคร่าวๆ ประมาณ 60 ล้านบาท)
1) หากคุณแม่ต้องการขายที่ดิน สารมารถกระทำได้หรือไม่ แล้วจะมีผลตามมาอย่างไร
2) ถ้าหากคุณแม่ได้ขายที่ดินบางแปลงให้กับคนอื่นไปแล้ว นาย ก จะสามารถทำการฟ้องร้องได้หรือไม่ อย่างไร
2. บริษัท ก ได้สร้างบ้านตัวอย่างอยู่บนเลขที่ 51/7 ซึ่งสร้างบนที่ดิน ที่โฉนดที่ดินและชื่อเจ้าบ้านเป็นชื่อคุณแม่ แต่ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างออกและผู้ยื่นขออนุญาตในการก่อสร้าง โดย บริษัท ก (บ้านหลังนี้คุณแม่เคยอาศัยอยู่กินกับนาย ก) ต่อมานาย ก ได้พาแฟนใหม่เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้และขับไล่คุณแม่ออกจากบ้าน พร้อมทั้งกำชับยามห้ามเปิดประตูให้คุณแม่เข้ามาในบริเวณพื้นที่บ้านนี้ด้วย
1) ไม่ทราบ คุณแม่สามารถขออำนาจศาลไล่ทั้งสองคนออกจากบ้านหรือไม่ อย่างไร
2) ถ้าหากคุณแม่ต้องการขายบ้านพร้อมที่ดิน เราจะกระทำได้หรือไม่ อย่างไร
3) จะเป็นการดีหรือไม่ ถ้าเราให้ทนายส่งจดหมายไปให้บริษัท ก เพื่อขอให้บริษัท ก ทำสัญญาเช่าบนที่ดินแปลงนี้ แล้วถ้าเป็นการดี ควรให้เช่าเป็นระยะเวลากี่ปี ด้วยเงื่อนไขใดบ้าง
3. ตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงปัจจุบัน ทั้งสองได้ทำโครงการร่วมกันมา จนทำให้บริษัทฯ มีกำไร (แต่ไม่มาก เพราะนาย ก ให้ลูกค้าโอนเงินบางส่วนเข้าบัญชีส่วนตัวในต่างประเทศ) แล้วยังมีที่ดินและทรัพย์สินบางส่วนที่เป็นของบริษัท ก อยู่
1) ถ้าหากคุณแม่ต้องการจะฟ้องร้อง ควรฟ้องแบบใดถึงจะเป็นการดี อย่างเช่น ฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สินแบบหุ้นส่วน หรือ ฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สินแบบสามีภรรยา
2) หรือไม่ต้องดำเนินการฟ้องร้องดี เพราะใบโฉนดที่ดิน ทั้ง 3 แปลง (รวมทั้งแปลงที่ปลูกบ้านตัวอย่างด้วย) นั้นเป็นชื่อของคุณแม่
3) อีกอย่างถ้าหากฟ้องร้องกันขึ้นมา โฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง รวมทั้งบ้านตัวอย่างจะต้องใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงให้การแบ่งสมบัติหรือไม่
4) ถ้าหากต้องใช้เป็นหลักฐานในศาล จะเป็นการดีหรือไม่ ถ้าคุณแม่โอนโฉนดที่ดินบางแปลงให้เป็นชื่อของดิฉัน เพราะมีอยู่ 1 แปลงที่ดิฉันร่วมลงทุนซื้อด้วย
4. แล้วถ้าหากต้องไปสู้กันที่ศาล เรามีสิทธิที่จะชนะคดีในส่วนใดบ้าง อย่างไร
ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับคำตอบจากอาจารย์เร็วๆ นี้ |