เรียน คุณมีชัย
ตอนนี้คุณพ่อถูกฟ้องคดี เช็คเด้ง จำนวน 400,000 บาท คุณพ่อเป็นเกษตรส่งมันสัมปะหลังไปขายให้กับเจ้าหนี้ โดยแต่ละครั้งที่มีการส่งมันสัมปะหลังจะมีการเบิกเงินเกินมา โดยเจ้าหนี้จะคิดราคาต่ำกว่าราคามันในท้องตลาดมาก เกษตรจำเป็นต้องไปส่งมันสัมปะหลังที่โรงมันนี้แทบจะทุกรายเนื่องจากเป็นโรงมันที่อยู่ใกล้ชุมชน จำนวนเงินที่เบิกมาเกินจะมีการหักกลบลบกับมันสัมปะหลังที่จะส่งในครั้งต่อไป แต่เจ้าหนี้มีการคิดดอกเบี้ยดอกทบต้นจากเงินที่เบิกเกินมาทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นมาก จากต้น 200,000 บาท ซึ่งมีการชำระหนี้มาโดยตลอด เพิ่มเป็น 480,000 บาท เจ้าหนี้จึงเรียกคุณพ่อเพื่อให้โอนที่ดิน หรือรถ แลกกับหนี้ แต่ทางคุณพ่อไม่ยอมเพราะเป็นที่ดินอยู่อาศัยและเครื่องมือทำมาหากิน เจ้าหนี้จึงให้คุณพ่อเซ็นสัญญากู้ยืมเงิน 400,00 และบอกให้คุณพ่อออกเช็คไว้เพื่อเป็นการค้ำประกันเงิน แต่ในสัญญาไม่ได้ระบุ เจ้าหนี้จึงนำเช็คไปขึ้นเงินทั้ง ๆ ที่คุณพ่อได้แจ้งแล้วว่าไม่มีเงิน และได้นำเช็คไปแจ้งความพร้อมสัญญาเงินกู้ ยอดหน้าเช็คกับสัญญาเงินกู้เท่ากัน หนูได้ไปปรึกษากับทางทนายความ
1.ทนายอาชีพ ได้ดูเอกสารหลักฐานและให้ความเห็นว่า เราควรจะสู้คดี เนื่องจากเราสามารถหาที่มาของตัวเลขได้แน่นอน และมีพยานที่โดนกระทำในลักษณะเช่นนี้หลายราย และเจ้าหนี้คิดอัตราดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 36% ต่อปี มีชาวบ้านหลายรายที่ต้องโอนที่ดินให้เจ้าหนี้เพราะกลัวขึ้นศาล
2.สภาทนายความ ให้ยอมรับต่อศาลและขอไกล่เกลี่ยเพราะอ้างว่าถ้าศาลไม่ฟั่งคำชี้แจ้งหรือหลักฐานต่าง ๆ คุณพ่อต้องติดคุกแน่ และไม่สามารถยื่นอุทรธ์ได้หรอกเพราะศาลสั่งมาแล้ว ถือเป็นการสิ้นสุด
รบกวนคุณมีชัยให้ความเห็นว่าเราควรจะสู้คดีหรือไม่คะ