ผมมีโอกาสได้อ่านคำถามที่มีผู้ส่งมาเรียนถามอาจารย์เรื่องการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯเกี่ยวกับการรวมเขตเลือกตั้ง สจ.เป็นเขตอำเภอ ตามที่เคยใช้กันมานานก่อนที่จะมีกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯฉบับนี้ที่เปลี่ยนมาแบ่งพื้นที่ให้เล็กลง มีผู้สนใจเรื่องนี้กันมากเพราะจะมีการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งใหญ่ใน เม.ย.2551ประกอบกับความอึดอัดใจในการทำหน้าที่ของ สจ.ที่กลายเป็น สจ.ซอย หรือ สจ.ถนนตามแต่ละพื้นที่ก็มี เป็นการเขียนกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงกรอบของคณะกรรมการกระจายอำนาจที่วางเกณฑ์ไว้ไม่ให้ สจ.ทำงานซ้ำซ้อนกับเทศบาลและ อบต.แต่โดยสภาพพื้นที่แล้วทำยากในทางปฏิบัติ ความอึดอัดดังกล่าวทำให้สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ได้จัดประชุมสอบถามความเห็น สจ.ในทุกภาคของประเทศ และในวันที่ 12 ก.ค.50 นายกสมาคมฯจึงเป็นตัวแทน สจ.ทั่วประเทศไปยื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้แก้ไขกฎหมายเลือกตั้งฯดังกล่าวเพื่อขอให้รวมเป็นเขตอำเภอเหมือนเดิม แต่ทุกอย่างก็เงียบไปคงเป็นเพราะ กกต.ต้องยุ่งกับการลงประชามติ จนวันที่ 28 ก.ย. 50 สมาคมฯได้จัดสัมมนา สจ.ทั่วประเทศขึ้นที่พัทยาโดยเชิญตัวแทน กกต.มาพูดเรื่องแก้ไขกฎหมายด้วย กกต.แจ้งว่าการจะแก้ไขกฎหมายดังกล่าวต้องฟังเสียงประชาชนก่อน (ฟังดูดีนะครับแต่จะฟังวิธีไหนคงไม่ต้องลงประชามติให้เสียงบประมาณอีกนะครับ) อีกประการคงแก้ไขไม่ทันการเลือกตั้งที่จะถึงใน เม.ย.51นี้เพราะงานของ กกต.มีเต็มมือต้องเตรียมเลือกตั้งและรับรองทั้ง สส.สว.สรุปคือไม่เห็นด้วยที่จะแก้ เพราะถ้าเห็นด้วยคงไม่ยากที่จะเสนอแก้กฎหมายเพียงมาตราเดียว
คำถามของผมมีดังนี้ครับอาจารย์
1.นอกจาก กกต.แล้วมีองค์กรอื่นอีกหรือไม่ ที่จะเสนอขอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯได้ เช่น รัฐบาลใหม่ที่จะเลือกตั้งในเดือน ธ.ค.นี้
2.สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย คงไม่สามารถสะท้อนภาพการเป็นองค์กรตัวแทนของประชาชนได้ดีพอในสายตาของ กกต.ในความเห็นของอาจารย์แล้ว ถ้า สจ.ทั่วประเทศรวบรวมรายชื่อของประชาชนเพื่อเสนอกฎหมายเองแล้ว จะเหมาะสมหรือไม่
ผมเชื่อว่าคำถามของผมและคำตอบของอาจารย์น่าที่จะไขข้อข้องใจของหลายๆท่านที่สนใจจะสมัตร สจ.ในต้นปีหน้าได้ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ โอกาสนี้
1. สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็เสนอได้ รัฐบาลนี้ก็เสนอได้ สส.ที่จะมีการเลือกตั้งเข้ามา ก็เสนอได้ ประชาชนเข้าชื่อกันก็เสนอได้
2. ถ้าเห็นดีเห็นงามพร้อมใจกัน ก็ทำได้