ค่าเลี้ยงดูบุตร
1. การคิดค่าเลี้ยงดูบุตร คำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง
2. จากข้อ 1 หากมารดาของบุตรทำงานเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก ดูแลบ้าน และไม่มีกิจการส่วนตัว กรณีเช่นนี้ถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการประเมินค่าเลี้ยงดูบุตรด้วยหรือไม่ มารดาของบุตรสามารถเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรได้มากกว่าปกติหรือไม่เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีมารดาของบุตรมีอาชีพ
3. หากต้องการให้บิดาของบุตรส่งเสียเรื่องการศึกษาของบุตรจนจบระดับปริญญาตรีซึ่งอายุของบุตรอาจมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ มารดาของบุตรสามารถบังคับให้ทำได้หรือไม่
4. ค่าเลี้ยงดูบุตรจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเท่าๆกันทุกเดือน ฝ่ายมารดาของบุตรสามารถกำหนดเป็นช่วงๆตามอายุของบุตรที่มากขึ้นได้หรือไม่
5. การทำข้อตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรจำเป็นต้องทำต่อหน้าศาลหรือไม่
6. ข้อดี-ข้อเสียของการทำข้อตกลงต่อหน้าศาลคืออะไร
7. หากมารดาบุตรต้องการทำต่อหน้าศาล ต้องไปติดต่อกับศาลใด หน่วยงานใด มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหรือไม่ ประมาณเท่าไหร่ ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการจนสิ้นสุดนานหรือไม่ ประมาณเท่าไหร่ มารดาบุตรสามารถติดต่อกับศาลเองได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีทนายในการยื่นคำร้อง
8. ข้อตกลงที่ทำต่อหน้าศาลดังกล่าว มารดาบุตรสามารถใช้เป็นหลักฐานต่อธนาคารเพื่อหักเงินจากบัญชีธนาคาร(บัญชีเงินเดือน)ของบิดาบุตรโดยอัตโนมัติทุกเดือนแล้วโอนเข้าบัญชีของบุตรได้หรือไม่ (ทำเช่นเดียวกับการหักเงินค่าน้ำค่าไฟผ่านบัญชีธนาคารได้หรือไม่) หรือต้องเป็นความสมัครใจของบิดาบุตรเท่านั้น
9. เมื่อมารดาบุตรได้ทำข้อตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรต่อหน้าศาลแล้ว เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานประมาณ 5 ปีโดยที่บุตรอายุยังอยู่ในช่วงของข้อตกลง หากบิดาบุตรบิดพลิ้ว มารดาบุตรต้องทำอย่างไรต่อไป และบิดาบุตรจะได้รับโทษอย่างไรจากกรณีที่เขาบิดพลิ้ว
10. หากมารดาของบุตรมีสามีใหม่ที่มีฐานะทางการเงินที่ดีกว่าบิดาบุตรมากๆ และสามีใหม่ก็รับบุตรของภรรยาเป็นบุตรบุญธรรม บิดาบุตรเดิมสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการเลิกส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตรได้หรือไม่ อย่างไร
11. ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย(นอกจากฟ้องหย่าขาดจากสามีกรณีที่สามีมีชู้) สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่ทำให้เสียชื่อเสียงทั้งจากอดีตสามีและชู้ได้พร้อมกันหรือไม่
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่สังคมไทยจะปลูกฝังเด็กๆผู้ชาย ให้โตขึ้นเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบต่อผู้หญิง เป็นสุภาพบุรุษ และเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี |