ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    023659 อยากทราบถึงอนาคตของคนในสื่อสื่อมวลชน19 กันยายน 2550

    คำถาม
    อยากทราบถึงอนาคตของคนในสื่อ

    เรียน  อ.มีชัย ที่เคารพยิ่ง

                    เรียนท่าน อ.มีชัย ที่เคารพนับถือ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่แอบศรัทธาในผลงานท่านตลอดมาและเชื่อว่าบ้านเมืองนี้ยังมีผู้เป็นกลางและเป็นธรรมในการดูแลกฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เรื่องก็มีอยู่ว่า ดิฉันเป็นคนทำงานในสื่อมากว่า 20 ปี รายการที่ทำก็เป็นรายการที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อการทำรายได้ส่งเข้ารัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพสื่อสารมวลชน ยึดมั่นในจรรยาบรรณของนักสื่อสารมวลชนมาตลอด และเมื่อจะมีการปฏิรูปสื่อเพื่อการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม ทำให้ดิฉันอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ว่า

    การปฏิรูปสื่อครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป กฎหมายฉบับนี้จะส่งผลต่อคนทำงานสื่อภาครัฐที่ต้องทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์งานภาครัฐ หารายได้เข้ารัฐ รับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งต้องหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเอง อย่าง อสมท จะเป็นอย่างไรต่อไป

    เพราะได้ยินว่า กม.นี้ "ผ่า อสมท" แน่ ๆ หมายความว่า ดิฉันและครอบครัวที่ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์มาตลอดอาจต้องตกงานตอนแก่นี้ใช่หรือไม่ สิ่งที่พวกเราทำเนื้อหาสาระมากกว่าความบันเทิงเพื่อสังคมอุดมปัญญา รายได้หรือผลกำไรส่งเข้ารัฐพร้อมกับต้องหาเงินเพื่อมาพัฒนาองค์กร ต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ให้เป็นสื่อเพื่อธุรกิจจ๋าเหมือนผู้ที่เขาทำธุรกิจจริง ๆ เหมือนคนอื่นหรืออย่างไรค่ะ

    มีข้อกฎหมายหนึ่งที่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าขอถามผู้รู้จริง ๆ ดีกว่าคือ "ต้องป้องกันการผูกขาด เพื่อให้เกิดความหลากหลายในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อสมท อาจถูกตีความเรื่องการถือครองธุรกิจสื่อวิทยุ-โทรทัศน์"  ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรค่ะและ

     จะมีกฎหมายลูกหรือบทเฉพาะกาลที่ดิฉันพยายามหาคำตอบจากผู้รู้ ก็ตอบได้แต่เพียงว่า ต้องรอดูว่ากฎหมายและบทเฉพาะกาลจะออกมาอย่างไรก่อน ท่านคิดว่าคนตัวเล็ก ๆ อย่างดิฉันที่ควรจะต้องทราบ เพราะถามผู้ที่คิดว่ารู้มากที่สุดในองค์กรแล้วดิฉันก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า งานวิทยุที่ทำมากว่า 20 ปี อาจไม่ได้ทำอีกต่อไป เพราะถ้าต้องไปแข่งขันเพื่อขอคลื่นก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าจะได้หรือไม่หรือสุดท้ายเราจะเหลือเท่าไหร่ นั่นหมายถึงเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งต้องตกงานและตามหลักการขององค์กรผู้ที่อยู่มานานอาจต้องไปก่อน

                   หวังว่าสิ่งที่คนตัวเล็ก ๆ ในสื่อที่ถูกจัดวางให้เป็น "พาณิชย์" แต่ในความเป็นจริงคือ "กึ่งพาณิชย์ "เพราะกระทรวงการคลังเป็นนายใหญ่ผลกำไรต้องส่งให้รัฐ ประชาสัมพันธ์งานให้รัฐ และต้องเลี้ยงตัวเองได้ อย่างเราจะอยู่อย่างไรเมื่อมีการปฏิรูสื่อเกิดขึ้น ซึ่งหากการปฏิรูปสื่อนี้เสรีและเป็นธรรมจริง ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่คิดว่ายอมรับได้กับแนวคิดดังกล่าว แต่ใครจะรับประกันได้ค่ะว่า เสรีและเป็นธรรมจริง ที่สำคัญสิ่งที่คนทำสื่อในอนาคตที่เปิดกว้างจะมีกลไกควบคุมให้มีมาตรฐานและรับผิดชอบต่อสังคมมากพอหรือไม่ หวังว่าท่านคงจะตอบให้ดิฉันได้เพราะอนาคตตอนนี้จะหางานใหม่ก็คงลำบาก และต้องขออภัยที่เขียนมายาวแต่ก็ไม่ทราบว่าในสังคมปัจจุบันดิฉันจะหาคำตอบที่เป็นคำตอบจริง ๆ ได้จากใคร

                                                               กราบขอบพระคุณ อ.มีชัย มาล่วงหน้าและขออภัยที่รบกวนเล่าความรู้สึกมายาวค่ะ

    คำตอบ

    เรียน สื่อมวลชน

        คงได้แต่รับฟังไว้ด้วยความเห็นใจ เพราะยังจับประเด็นไม่ได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นใน อสมท.  มีความคิดแต่เพียงว่าทุกวันนี้มีปัญหาเกี่ยวกับกิจการที่รัฐทำอยู่มาก เพราะวัตถุประสงค์ในการทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งของรัฐนั้น มิได้มีจุดประสงค์เบื้องต้นเหมือนอย่างธุรกิจทั่วไป เพราะรัฐไม่ได้มีหน้าที่ที่จะลงไปทำธุรกิจแข่งขันกับเอกชน  หากแต่รัฐต้องทำเพื่อประโยชน์ของสังคมและประเทศในแง่มุมที่ธุรกิจทำไม่ได้ เพราะไม่เอื้อต่อการทำกำไร  การดำเนินกิจการของรัฐจึงจะอาศัยกำไรเป็นหลักเพียงอย่างเดียวในการวัดผลสัมฤทธิ์ของกิจการนั้นไม่ได้ ต้องวัดระหว่างผลสัมฤทธิ์ของวัตถุประสงค์และการเลี้ยงตัวได้โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณแผ่นดิน ใครทำได้อย่างนั้นควรจะได้รับการยกย่อง  แต่ดูเหมือนว่าในระยะหลังรัฐบาลมักจะลืมเลือนเรื่องนี้ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังมักจะมุ่งไปที่ผลกำไร หรือการกอบโกยเงินเข้าคลังมากกว่า ความสัมฤทธิ์ในแง่ของวัตถุประสงค์   ถ้าคิดในแง่มุมนี่ต่อไป เรื่อย ๆ ต่อไปก็คงจะต้องถึงคราวตอบคำถามว่า แล้วรัฐจะไปทำแข่งขันกับเอกชนทำไม สู้นั่งเฉย ๆ คอยเก็บภาษีในอัตราร้อยละ ๓๕ หรือ ๓๐ จากธุรกืจสบายใจไม่ดีกว่าหรือ

         ในเรื่องความอิสระของสื่อ หรือที่พยายามพูดกันถึงว่าสื่อของประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่พูดกันเพื่อให้ดูดีเสียมากกว่า เพราะในที่สุดคนที่อ้างว่าเป็น "ประชาชน" ในวันนี้ เมื่อถึงคราวเข้าไปทำสื่อหรือเป็นเจ้าของสื่อแล้ว ความเป็น "ประชาชน" ในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป ก็หายไป ส่วนความเป็นอิสระนั้น คนที่ทำงานอยู่ในแวดวงสื่อเองคงจะตอบได้ดีกว่าคนอื่นทั่วไป ว่าเอาเข้าจริงแล้ว มีอิสระจริงหรือ อิสระจากเจ้าของ จริงหรือ


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    19 กันยายน 2550