ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    023582 การโอนบ้านคนสิ้นหวัง16 กันยายน 2550

    คำถาม
    การโอนบ้าน

    อาจารย์คะ มีปัญหาเรียนปรึกษาค่ะ

    เรื่องมีอยู่ว่า พ่อกับแม่ของหนู เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ได้เข้ามาในกรุงเทพฯ และต้องการจะซื้อบ้านเพื่อสร้างครอบครัว แต่ไม่มี statement ทางการเงินที่เชื่อถือได้
    เพราะมาจากต่างจังหวัด จึงได้ขอยืมชื่อของคนข้างบ้านที่รู้จักกัน (ไม่ได้เป็นญาติกัน) สมมติว่าชื่อนาย ก. นะคะ ยืมชื่อนาย ก.ซื้อบ้าน
    เค้าก็ใจบุญค่ะ ยินยอม ผ่านมา 20 ปีไม่มีอะไร
    แต่พอมาถึง เมื่อประมาณปี 2547 นาย ก. มีหนี้สินมากมายค่ะ โดนศาลสั่งฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย ทางเราเลยต้องรีบโอนบ้านกลับมาเป็นชื่อของเรา
    ซึ่งประกอบกับ ตอนนั้น หนูเริ่มทำงาน มีเงินเดือนประมาณ 13,000 บาท ก็เลยร่วมกู้กับพ่อ เลยสามารถนำบ้านกลับคืนมาเป็นของเราได้

    แต่ปัญหามันคือ มูลค่าบ้านที่เราผ่อนมาตลอด 20 ปี เดือนละ 9,500 บาท ได้สูญสิ้น ต้องเริ่มผ่อนกับสัญญาใหม่ ระยะเวลา 25 ปี เดือนละ 5,000 บาท
    และตอนที่จะไปโอนบ้านนั้น เราก็เข้าไปติดต่อว่า เราเป็นเจ้าของบ้านตัวจริง เราจะขอโอนมาเป็นชื่อของเรา ตอนแรกธนาคารไม่เชื่อ ไม่ว่าจะเอาหลักฐานใบเสร็จ
    มากี่ร้อยใบก้ไม่เชื่อ เราเลยหมดหวัง ไม่ผ่อนบ้านต่อ เป็นเวลาประมาณ 6 เดือน รอเค้ามายึดดีกว่า เพราะคิดว่าผ่อนไป เราก็ไม่มีสิทธิในบ้านหลังนี้

    แต่พอประมาณเดือน พย. 47 ธนาคารก็โทรมาบอกว่า ถ้าคุณต้องการบ้านได้ ก็ให้เข้ามาแสดง statement เพื่อยื่นกู้ เพราะทางธนาคารก็ไม่อยากปล่อยให้เป็นหนี้เน่า
    เราก็เลยเข้าไป แต่ปรากฎว่า ทางธนาคารได้แจ้งว่า ถ้าคุณต้องการบ้านคืน ก็ต้องชำระหนี้ที่นาย ก. ยังค้างอยู่กับธนาคารด้วย ประมาณ 3 แสนบาท
    ทางเราเลยไปเจรจากับนาย ก. ซึ่งทางนาย ก. ได้ให้เงินมาจำนวน 1.5 แสน บอกว่า ช่วยได้ก่อนแค่นี้

    ทางเราต้องการได้บ้านคืน ก็เลยจ่ายส่วนที่เหลือ ซึ่งนาย ก. ก็รับทราบค่ะ บอกมาตลอดว่า จะจ่ายส่วนที่ค้างให้ แต่เวลาผ่านมา 3 ปี เราติดต่อไปเค้าก็นิ่งเฉย เลื่อมาตลอด โทรไปเดือนมีนา บอกว่าจะได้เดือนพฤษภา เราก็รอ ไม่ได้ขอทีเดียวค่ะ แบ่งจ่ายก็ได้ เค้ายังไม่มีเจตนาจะให้เลย
    ตอนนั้นด้วยความที่พ่อกับแม่หนู ไม่รู้กฎหมาย ก็เลยไม่ได้ทำหลักฐานอะไรไว้

    เลยอยากเรียนถามอาจารย์ว่า หนูสามารถฟ้องเค้าได้ไหมคะ เพราะเรามีหลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์บ้าน และมีพยานบุคคล คือ พนักงานธนาคารที่เค้าทราบเรื่องของเรามาตลอด
    ว่าเราใช้หนี้แทนเค้า และเสียงในโทรศัพท์ที่หนูอัดเสียงเค้าไว้ตอนที่หนูโทรไปทวงเงิน


    อาจารย์คะ ถ้านาย ก. ตอนนี้เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่มีฐานะ หนูก็คงจะไม่เอาเรื่อง แต่ตอนนั้น ก่อนที่เค้าจะถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย เค้าได้หย่ากับภรรยาเค้าก่อน ทำให้เค้าพอมีทรัพย์สิน
    และตอนนนี้ เค้าก้ตั้งตัวได้เป้นเจ้าของธุรกิจที่มีชื่อเสียง โดยที่ไม่สนใจหนี้สินที่ค้างไว้อยู่เลย รบกวนอาจารย์ด้วยนะคะ ตอนนี้ที่บ้านหนูลำบากมาก

    ขอบคุณค่ะ

    คนสิ้นหวัง

    คำตอบ

    เรียน คนสิ้นหวัง

        การที่คุณสามารถได้บ้านคืนมา โดยออกเงินครึ่งหนึ่งของหนี้นั้น นับว่าเป็นกุศลที่สร้างมาแต่ปางก่อนช่วยเหลือไว้แล้ว เพราะโดยสภาพที่เล่ามานั้นถ้าเขาไม่ยอมโอนให้ หรือเรียกเงินมากกว่านั้น คุณก็คงลำบาก เพราะการที่จะไปฟ้องร้องคดีเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นตัวแทนของคุณในการถือกรรมสิทธิ์นั้น ยากเสียยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา  วิธีที่พอจะแนะนำได้ในขณะนี้ก็คือ ค่อย ๆ ไปพูดจาขอความเห็นใจจากเขาให้ช่วยเหลือคืนเงินให้บ้าง บางทีอาจจะได้ ถ้าได้มาก็ถือว่าเป็นการถูกล๊อตเตอรี่ แต่ถ้าไม่ได้ก็คิดเสียว่าการที่ได้มาบ้านคืนมาแล้วเสียไปเพียงแสนห้านั้น เป็นเคราะห์ดีหนักหนาแล้ว

         คนไทยทั่วไปไม่ค่อยรู้กฎหมาย แม้กฎหมายนั้นเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน แต่ก็ถนัดที่จะเล่นแร่แปรธาตุกับกฎหมาย คือยักย้ายไปตามความเข้าใจว่าจะดี แต่หารู้ไม่ว่าบางทีก็เป็นการทำความผูกมัดให้กับตัวเองในทางที่เสียหายอย่างร้ายแรง

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    16 กันยายน 2550