เรียนอาจารย์มีชัย
ดิฉันได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทไฟแนนซ์เมื่อสองปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ใช้เองเพราะได้ให้เพื่อน(เป็นผู้หญิงที่เป็นทอม) ไปใช้ โดยดิฉันเป็นผู้จ่ายเงินดาวน์ ตอนแรกแค่เป็นผู้เช่าซื้อแทนและเพื่อนขอยืมเงินดาวน์ก่อน ต่อมาดิฉันต้องการปิดสัญญาเช่าซื้อเนื่องจากเพิ่มรู้ตัวว่าไม่ควรทำสัญญาเช่าซื้อมิเช่นนั้นหากมีปัญหาอันใดดิฉันต้องรับผิดชอบ จึงได้คุยกับเพื่อน เพื่อนแนะนำหลายอย่างทั้งหาคนมาเช่าซื้อแทนหรือปิดสัญญาเช่าซื้อ ดิฉันไม่สามารถหาคนมาเช่าซื้อแทนได้ (รถยนต์และกุญแจทั้งหมดอยู่กับเพื่อน) จึงคิดว่าเหลือเพียงปิดสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งเพื่อนก็ยังใช้รถอยู่ ดิฉันหาเงินมาได้ก็โอนผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารเข้าบัญชีเพื่อนเพื่อให้ไปจ่ายค่างวดล่วงหน้าไปก่อน (ดิฉันไว้วางใจเพื่อนเพราะเพื่อนขอร้องว่าจะใช้รถเพื่อการประกอบอาชีพและรับปากว่าจะคืนรถให้เมื่อเคลียร์ทุกอย่างได้) ปรากฎว่าเพื่อนก็เอาเงินจ่ายค่างวดล่างหน้าบางส่วนแต่ไม่ครบยังขาดอีกเยอะ ดิฉันจึงทวงถาม ปรากฎว่าเพื่อนไม่คืนเงินและรถโดยบอกว่าถ้าอยากได้คืนก็ไปฟ้องร้องเอง ดิฉันจึงไปแจ้งความตำรวจเรียกเพื่อนมา เพื่อนก็นำเอาหลักฐานการชำระเงินค่างวดและนำหลักฐานการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินของเพื่อนมาบอกว่าเงินค่างวดที่จ่ายล่วงหน้าเป็นเงินของเค้า ส่วนดิฉันเป็นเพียงผู้เช่าซื้อแทนจากการคบเขาเป็นแฟน นอกจากนี้ยังเอาภาพถ่ายรถยนต์และกุญแจรถทั้งหมดเป็นหลักฐานว่ารถอยู่กับเขาและเขาเป็นเจ้าของมาตั้งแต่แรก ตำรวจจึงไม่สามารถทำอะไรได้เพราะรถไม่ได้ถูกยักยอกและแนะนำให้ดิฉันไปฟ้องแพ่ง ตอนนี้เขาให้ทนายส่งโนติสมาบอกให้ดิฉันไปโอนรถให้เขาเพราะตอนนี้เขามีเครดิตแล้ว ดิฉันจึงอยากเรียนถามดังนี้
1. ดิฉันจะฟ้องแพ่งได้หรือไม่และมีโอกาสชนะหรือไม่ โดยดิฉันมีหลักฐานคือ สัญญาเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงินค่างวดทุกงวด ใบเพย์อินธนาคารเข้าบัญชีเพื่อน ส่วนเพื่อนมีหลักฐานคือ สัญญากู้ธนาคาร ใบชำระค่างวด ภาพถ่ายกุญแจและรถยนต์
2. เพื่อนมีโอกาสฟ้องดิฉันหรือไม่ ถ้าเขามีหลักฐานอย่างที่บอก
3. เค้าอ้างได้หรือไม่ว่าดิฉันคบเขาเป็นแฟนจึงให้เงินและรถ(ยังเช่าซื้ออยู่)
4. หากเขามารังควาญดิฉันที่ทำงาน หรือฟ้องผู้บังคับบัญชาว่าดิฉันเป็นแฟนกับเขา หรือโกงเงินเขา ดิฉันจะป้องกันได้หรือไม่
ขอบคุณคะ
เรียน คุณนริสรา
1.-2. จะบอกว่าฟ้องได้หรือฟ้องไม่ได้คงยาก เพราะไม่รู้ว่าใครหลักฐานอะไร แต่อย่างน้อยถ้าเขายื่นโนติ๊สให้คุณไปโอนรถยนต์ให้เขา โดยเขาอ้างว่าคุณเป็นคนเช่าซื้อแทนเขา ก็ควรให้เขาไปชำระเงินค่ารถให้หมดเพื่อจะได้ถอนคุณออกจากการเป็นคนเช่าซื้อ อย่างน้อยที่สุดคุณจะได้ไม่ต้องรับผิดในหนี้ที่ยังค้างอยู่ ส่วนที่คุณชำระแทนเขาไปแล้วนั้น จะฟ้องร้องอย่างไรก็ค่อยไปคิดอ่านวันข้างหน้า หรือถ้าไม่มีหลักฐานจะไปฟ้องได้ ก็ถือเสียว่าเป็นเงินค่าซื้อ "ความบูชา" ที่เคยมีต่อเขา
3. คุณ ๒ คนเท่านั้นจึงจะบอกได้ว่า เค้าอ้างได้หรือไม่ เพราะคนอื่นไม่มีทางที่จะรู้ความจริงระหว่างคุณสองคน นอกจากจะเดา ๆ เอา ซึ่งถ้าให้เดาแล้วคุณก็คงเสียเปรียบ เพราะอยู่ ๆ ถ้าไม่มีความสัมพันธ์พิเศษระหว่างกัน ใครจะไปปรนเปรอคนอื่นได้ถึงขนาดนั้น
4. ป้องกันน่ะป้องกันไม่ได้ และอย่าไปกลัว เพราะถ้ากลัว เขาก็จะข่มขู่เอาไม่รู้จบ ถ้าเขามากล่าวหาคุณว่าคุณโกงเขา คุณก็ฟ้องหมิ่นประมาทเขาได้ (ถ้าทำใจแข็งพอที่จะฟ้องเขาได้) หรือในส่วนที่เขาจะมาโพนทะนาว่าคุณเป็นแฟนเขา ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรไม่ใช่หรือ หรือถ้าคิดว่าเสียหาย ก็ฟ้องหมิ่นประมาทเขาได้เช่นกัน