เรียนท่านมีชัย

          เมื่อปี พ.ศ 2544 ผมได้รับการติดต่อจากนายหน้าหาแรงงานไปประเทศ ไต้หวันโดยคิดค่าดำเนินการ 150,000 บาท ซึ่งขณะนั้นกระผมได้นำฉโนดที่ดิน

ไปจดจำนองไว้กับธนาคารกรุงศรีสาขาจังหวัดกาฬสินธ์  หลังจากนั้นทางนายหน้าได้แจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ให้หาหลักทรัพย์มากู้เงินเพิ่ม 25,000 บาท ซึ่งนายหน้า

จะเป็นคนให้เงินจำนวนนี้เองแต่ขอยึดฉโนดตัวจริงไว้เป็นหลักคำประกันเงินกู้ในครั้งนี้

          กระผมได้เดินทางไปที่ประเทศไต้หวันจริงแต่ต้องไปรองาน ไม่มีงานทำสม่ำเสมด ไม่มีรายได้เพียงพอทีจะใช้หนี้ธนาคารและใช้หนี้นายหน้า ผลสุดท้ายก็ถูกส่งกลับ กระผมได้ติดต่อกับนายหน้าเพื่อให้รับผิดชอบแต่ก็ไมเป็นผล

          เมื่อต้นปี พ.ศ 2550 กระผมได้ไกล่เกลี่ยประนอมหนี้กับธนาคารกรุงศรีขอผ่อนชำระเดือนละ 2,500 บาท ซึ่งกระผมได้เช่าแทกซี่ขับทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวและผ่อนชำระหนี้ดังกล่าว

          เมื่อต้นเดือน ส.ค 2550 มีหมายศาลจากศาลจังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งให้กระผมดำเนินการชำระหนี้ให้นายหน้าในยอดเงินต้น 80,000 บาท + ดอกเบี้ย 15% ต่อปี อีก 44,740 บาท

          จากรายละเอียดข้างต้นรบกวนท่านมีชัยช่วยแนะนำกระผมด้วยว่าสมควรจะทำอย่างไร

รายได้ไม่พอส่งมาใช้หนี้

เรียน คุณสิทธิโชค

ควรรีบกลับไปสู้คดี ถ้าไม่มีเงินจ้างทนายความ ก็อาจไปร้องขอความช่วยเหลือจากสำนักงานอัยการ หรือสภาทนายความ