สวัสดีค่ะ อาจารย์

1.แฟนเป็นหนี้บัตรเครดิตร(เป็นชื่อเขา)หลังจดทะเบียน นำเงินส่วนของบัตรมาซื้อของใช้ต่างๆ ในบ้านและออฟฟิต เขาต้องชำระหนี้เองหรือหนูต้องชำระร่วม

2.ธนาคารต่างๆ ให้เครดิตกู้บัตรเป็นชื่อเขาเหมือนกัน และมีบัตรสองใบให้เขาหนึ่งใบ ให้ออฟฟิตหนึ่งใบซึ่งอยู่กับดิฉัน(ส่วนมากดิฉันจะเป็นคนใช้จนหมด) ใครต้องให้หนี้

3.หลังจดทะเบียนมีรถอยู่ 2 คัน เป็นชื่อเขาทั้ง 2 คัน ยังต้องผ่อนอยู่ ให้เขาไป 1 คัน อยู่กับดิฉัน 1 คัน ดิฉันไม่ส่งต่อ แล้วทำรถหาย บริษัทไฟแนท์จะฟ้องใคร

4.เขาหนีออกบ้านหลายครั้ง บอกว่าทนพฤติกรรม จู้จี้ ขี้บ่น ไม่ให้เกียติเขา หลายครั้ง เราอยู่ด้วยกันมีปากเสียงกันตลอด เขาขอหย่าแต่ดิฉันไม่ยอมหย่า (ตอนนี้แยกกันอยู่ได้ 1 ปีแล้ว) ดิฉันไม่ยอมแยกกันอยู่ แต่เขาก็ออกบ้านไปแล้วค่ะและไม่เคยกลับเข้าบ้าน ไม่เข้าออฟฟิต อีกเลย

5.ดิฉันขอทรัพย์ที่มีทุกอย่าง และธุระกิจที่มีอยู่ร่วมกัน ให้เขามอบให้ดิฉันจึงจะยอมหย่า จะเป็นไปได้ใหมคะ โดยที่ไม่ยอมรับภาระหนี้

6.เราเคยไปตกลงกันที่ศาลเด็ก เขาให้ใกล่เกลี่ย เพราะดิฉันไม่ยอมหย่า ดังนั้นเขาจึงร้องขอว่าเขาออกมาก็ออกมาตัวเปล่า เขาขอเงินวันละ 500 ดิฉันก็ตกลง แต่ดิฉันไม่ได้ให้จริง เขาสามารถฟ้องร้องขอเงินส่วนนี้ได้หรือไม่

7.จนทุกวันนี้เขาก็ขอหย่า เพราะเขาบอกว่ายังไงก็ทนอยู่กับดิฉันไม่ได้

เขาสามารถฟ้องหย่าดิฉันได้หรือไม่ แล้ร้องขอการแบ่งครึ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ได้หรือไม่ และใครต้องรับภาระหนี้ จะเป็นไปได้ใหมถ้าดิฉันไม่ยอมรับภาระหนี้ที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างไม่ใช่ชื่อดิฉัน

เรียน น้ำตา

1.  ในเบื้องต้นเจ้าหนี้ก็คงทวงเอาจากคนที่เป็นหนี้ (ชื่อเจ้าของบัตร) ต่อเมื่อไม่ได้แล้วถึงตอนยึดทรัพย์เขาก็คงจะพิสูจน์ว่าเป็นหนี้ที่นำมาใช้จ่ายในครอบครัว เขาจะได้สามารถเอาจากสินสมรสได้

2. โดยปกติเขาก็เรียกเอาจากคนที่เป็นลูกหนี้เขา เว้นแต่จะปรากฏว่า สามีคุณเขาไปขอบัตรในนามของหุ้นส่วนของออฟฟิศ ซึ่งเขาก็คงจะตามมาเอาจากออฟฟิศ (หรือห้างหุ้นส่วน)นั้นด้วย

3. เขาก็ฟ้องคนที่เป็นลูกหนี้

4. นั่นซีนะ มีบัตรเครดิต ก็เอาไปใช้จ่ายจนหมดวงเงิน มีรถให้ใช้ก็ใช้จนหายไป เขาก็คงอยู่ด้วยลำบาก

5. ลองถามตัวเองดูก่อนว่าเงื่อนไขอย่างนี้ถ้าเป็นเราจะยอมหรือไม่

6. ในระหว่างนี้เขาคงยังไม่ฟ้องร้องหรอก เขาคงรอไว้รวม ๆ กันจะได้เป็นเหตุในการฟ้องหย่าได้

7. ก็ขึ้นอยู่กับว่าเหตุทั้งหลายที่เขารวบรวมได้เพียงพอหรือไม่