การชำระหนี้ตามคำพิภากษา
ผมค้ำประกันเพื่อนเช่าซื้อรถกลายเป็นจำเลยร่วมศาลพิภากษาให้ชำหนี้พร้อมดอกเบี้ย ผมผ่อนชำระรายเดือน โจทย์นำเงินไปหักค่าทนายก่อนหมดแล้วจึงไปหักค่าฤาธรรมเนียม หมดแล้วไปหักส่วนที่เป็นดอกเบี้ยที่ค้างก่อน ผ่อนไปหลายเดือนส่วนที่กล่าวจึงหมด และระหว่างผ่อนค่าดังกล่าวอยู่ดอกเบี้ยของเงินต้นก็ถูกคิดเต็มจำนวนเลื่อยมา .
1.ผมอยากทราบว่าหลักการที่เขาคิดถูกต้องหรือไม่
2,โจทย์ได้ออกบิล VAT โดยจำเลยเป็นผู้รับผิดจ่าย Vat ด้วย ทำไมการชำระหนี้ตามคำพิภากษาจะต้องจ่ายภาษี 7%ด้วยเพราะไม่ใช่การชำระค่าสินค้า บริษัทโจทย์คิด Vat กับจำเลยได้หรือไม่ครับ
3,ในใบเสร็จระบุแค่ว่าชำระหนี้ตามคำภิพากษา xxxx บาท vat xxx บาท โดยไม่แจ้งเงินต้นที่เหลือที่ค้างชำระ จำเลยจะทราบอย่างไรว่าต้องจ่ายอีกเท่าไหร่และจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
4,ถ้าผมคำนวนได้ว่าผมได้จ่ายไปน่าจะครบต้นครบดอกแล้วผมจะไปขอดำเนินการถอนอายัดทรัพย์ได้เองหรือไม่โดยแสดงหลักฐานการโอนเงินและใบเสร็จ
5,ผมผู้คำประกันจะมีวิธีเอาเงินคืนกับผู้เช่าซื้ออย่าง
6,เนื่องจากผู้เช่าซื้อรถได้หลบและซ่อนทรัพย์สินโดยนำเงินไปซื้อบ้านให้แฟนอยู่และอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรสและได้ร่วมกันทำกิจการโดยใช้ชื่อแฟนจดทะเบียนการค้า ส่วนการทำงานจริงๆและผู้ทำงานผู้ดำเนินงานต่างๆผู้เช่าซื้อเป็นคนดำเดินกิจการเองหมด .กิจการรุ่งเรืองจนซื้อบ้านได้อีกหนึ่งหลัก .ขอถามว่าเราจะมัวิธีเรียกร้องและบังคับเอาจากทรัพย์ที่เขาได้มาร่วมกันอย่างไร.
7,มีหน่วยงานใหนที่เราจะเรียกร้องให้พิสูตรการได้มาของทรัพย์สินของบุคคลทั้งสอง การหลบซ่อนทรัพย์สินของผู้เช่าซื้อ
ขอแสดงความนับถือ
|