ผมเปิดร้านขาย cd เพลงและหนังถูกลิขสิทธิ์ทุกอย่าง มีใบอนุญาติตามกฏหมาย บริเวณใกล้เคียงร้านผมมีร้านขายเหมือนกันอีกประมาณ 6-7ร้าน ซึ่งบางร้านก็เป็นร้านขายแผ่น copy และหนังโป๊ทั้งร้าน บางร้านก็หน้าร้านขายถูกกฏหมายหลังร้านก็แอบขายกับเขาเหมือนกัน ร้านเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะเคยโดนจับแล้วทั้งนั้น จากนั้นก็ขายได้ต่อตามปกติ ผมไม่เคยสนใจเพราะผมถือว่าผมขายของถูกกฏหมายของผม ผมก็มีลูกค้าของผม แต่แล้ววันหนึ่งก็มีตำรวจชุดหนึ่งนำหมายค้นมาที่ร้านผม มาบอกว่ามีคนแจ้งว่าร้านผมมีหนังโป๊ขาย จะขอตรวจค้นผมก็ถามไปว่ามาแบบนี้มาตรวจทุกร้านหรือเปล่า เพราะผมยินดีให้ตรวจอยู่แล้ว แต่เขาบอกว่าเฉพาะร้านผมไม่ได้ตรวจทุกร้าน จากนั้นก็ดำเนินการประมาณ 1 ชม. ก็ไม่พบอะไรก็กลับกันไป

ก่อนกลับผมก็ขอให้ถ่ายสำเนาหมายค้นให้ผม 1 ชุด วันรุ่นขึ้นผมก็นำสำเนาไปที่ศาลขอตรวจสอบว่าหมายค้นที่นำไปถูกต้องหรือไม่ เพราะพบพิรุธหลายอย่าง เช่น ไม่มีการระบุว่าจะมาค้นอะไรในเอกสาร เพียงแต่บอกว่าจะมาหาหนังโป๊ ยศของหัวหน้าชุดที่ไปก็พิมพ์ผิด(จาก พ.ต.ต. ก็พิมพ์เป็น พ.ต.ท) ทางศาลตรวจดูแล้วก็บอกว่าเอกสารถูกต้อง เพิ่งมาขอไปเมื่อวานจากการตรวจดูพบว่าคนที่แจ้งถูกจับเพราะขายหนังโป๊อยู่ละแวกเดียวกับผม และบอกกับทางตำรวจว่ามารับของที่ร้านผมไปขาย ผมมีของเก็บอยู่บริเวณชั้น 2 กับชั้น 3 อย่างนี้เป็นการใส่ความกันชัด ๆ แล้วทำไมตำรวจไม่สืบดูก่อนว่าจริงอย่างที่กล่าวหากันหรือเปล่า กับเชื่อกันง่าย ๆ กรณีนี้ผมอยากทราบว่า

1. ผมจะรักษาสิทธิ์ของผมได้ทางไหนบ้าง เพราะแบบนี้ทำให้ผมเสียหาย เสียชื่อเสียง คนละแวกนั้นก็จะเข้าใจไปว่าร้านผมขายของผิดกฏหมาย เพราะลูกค้าร้านผมทุกคนทราบดีว่าร้านผมไม่มีของพวกนี้ (ไม่ขายของพวกนี้ ผมก็ไม่เดือดร้อน ผมสามารถแข่งขันกับพวกนี้ได้ไม่จำเป็นต้องขายของผิดกฏหมาย)

2. ผมสามารถดำเนินคดีกับคนที่แจ้งเท็จ ข้อหาใดได้บ้าง

ปล. อย่าปล่อยให้กลายเป็นว่าคนที่ทำถูกกฏหมาย ต้องถูกกลั่นแกล้งโดยพวกนอกกฏหมาย(ที่มีเจ้าหน้าที่คุ้มครอง)

1. เป็นความโชคดีอย่างมากอยู่แล้วที่พบกับตำรวจที่ยังมีมโนธรรม  เพราะที่เขาพบ ๆ กันนั้น พอไปตรวจไม่พบสิ่งที่ต้องการก็จะหาเรื่องอื่นให้จนเกิดความผิดจนได้

2. ถ้ามีหลักฐานว่าเขาแจ้งความเช่นนั้นจริง ก็แจ้งความกล่าวหาว่าแจ้งความเท็จได้