เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ
เกิดปัญหาค้างคาใจและอยากรู้ อาจารย์ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ
1. ดิฉันได้ทำสัญญาซื้อบ้านและที่ดินตั้งแต่ ปี พ.ศ.2538 ไว้กับ ธ.กรุงไทย และยินยอมจ่ายเงินงวดทุกเดือน ต่อมาดิฉันไม่ได้ดำเนินการตามเป้าหมาย เพราะมีภาระกิจมากเกินที่ต้องรับผิดชอบ จึงปล่อยให้เกิดดอกเบี้ยพอกพูน และ 5 ปีต่อมา ทางธนาคารยื่นฟ้องศาลให้ดิฉันไปชำระหนี้ แต่ดิฉันไม่มีปัญญา จึงยินยอมให้ทางธนาคารนำไปขายทอดตลาด และดิฉันก็ไม่ได้คิดว่า เมื่อทางธนาคารนำไปขายแล้ว ดิฉันจะยังคงต้องมาชำระหนี้อีก ต่อมาเมื่อ ปี 2549 ดิฉันได้รับหมายศาลว่า ยังเป็นหนี้ธนาคารอยู่ 400,000 กว่าบาท ดิฉันตกใจมาก ทั้ง ๆ ที่ ราคาบ้านพร้อมที่ดินที่กู้ไปครั้งแรกนั้น ราคาแค่ 280,000 บาท ดิฉันไปสอบทางทางธนาคารแล้ว ได้รับคำตอบว่า เงินที่เป็นหนี้นั้น เกิดจากดอกเบี้ยก่อนที่ทางธนาคารจะนำไปขายทอดตลาดได้ ดิฉันไม่เข้าใจว่า ก็เมื่อดิฉันยินยอมประนอมหนี้และให้ธนาคารนำไปขายทอดตลาดแล้ว ทำไมดิฉันยังต้องมีภาระหนี้มากกว่าเดิมอีก เพราะเจ้าพนักงานนับวันเดือนปีถึงวันที่ดิฉันได้รับหมายศาล แบบนี้ทำถูกหรือไม่
2. จะมีวิธีใดที่จะขอลดภาระหนี้ดังกล่าวได้ เพราะเจ้าพนักงานบอกว่าให้โอกาสถึงเดือน ธันวาคม 2550 นี้ ถ้าไม่ชำระหนี้เขาจะส่งเรื่องให้ศาลบังคับยึดทรัพย์สินบางส่วนของดิฉันที่ได้จำนองไว้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ แล้วดิฉันจะเดือดร้อนอีกชั้นหนึ่งจากธนาคารอาคารสงเคราะห์จริงหรือไม่
3. หากมีคำแนะนำอื่นใด ขอความกรุณาให้อาจารย์บอกดิฉันได้เลยนะคะ เพราะตอนนี้ก็ลำบากเลี้ยงลูกคนเดียว 2 คน ยังจะมาแถมภาระหนี้อีก ก็คงทำให้ครอบครัวอดอยากไปอีกตลอดชีวิต เพราะลูกยังเล็กอยู่ค่ะ
ขอขอบพระคุณอาจารย์มา ณ โอกาสนี้นะคะ
เคารพยิ่ง
เรียน คนรู้น้อย
1. เมื่อเป็นหนี้เขาแล้ว การที่หยุดชำระหนี้เขานั้น ดอกเบี้ยมันไม่หยุดด้วย มันก็เดินของมันไปเรื่อย ๆ การที่ธนาคารนำที่ดินออกขายทอดตลาดนั้นไม่ได้เกิดจากความยินยอมของคุณหรอก ไม่ว่าคุณจะยินยอมหรือไม่ ถ้าคุณไม่ชำระหนี้เขาก็เอาไปขายอยู่ดีแหละ และเมื่อขายได้แล้วเขาก็เอาไปชำระส่วนที่เป็นดอกเบี้ยก่อน ดังนั้นเงินต้นจึงยังคงอยู่เท่าเดิม และสร้างดอกเบี้ยต่อ ๆ ไป
2. ใช่แล้ว
3. ก็คงต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอให้เขาผ่อนผันและค่อย ๆ ส่งไปจนกว่าจะหมด
คนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไปเป็นหนี้สถาบันการเงินโดยไม่รู้ว่าผลจะเกิดอะไรขึ้น มักจะคิดง่าย ๆ ว่า เมื่อยอมให้เขาขายบ้านหรือที่ดินแล้วหนี้จะหมดกันไป ซึ่งไม่จริง สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้จะยังไม่ขายทรัพย์สินนั้นจนกว่าหนี้นั้นจะท่วมท้น ดังนั้นเมื่อยขายแล้ว หนี้จึงยังไม่หมด