เรียนท่านอาจารย์มีชัย
เนื่องจากดิฉันเป็นแม่ม่ายผัวตายมาประมาณ 20 ปีแล้ว โดยมีลูกชายบุญธรรมที่ได้จดทะเบียน 2 คน และลูกสาวของตนเอง 1 คน ในขณะที่แฟนของดิฉันตายไป ทางดิฉันก็มีแต่ที่ทำกินเป็นไร่อ้อยหลายร้อยไร่อยู่ แต่ก็ยังเป็นที่ดินจำนองกับธนาคาร และก็ไม่มีเงินอะไรมากมายคงต้องทำไร่อ้อยส่งเสียลูกไปจนตาย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาติดต่อซื้อที่ ได้เงินก้อนใหญ่พอทำให้ฐานะดีขึ้น จึงไถ่ที่ทั้งหมด และให้ลูกชายบุญธรรมคนที่ 2 ทำไร่อ้อยแทน (ลูกชายคนแรกไม่เอาไหนเลยค่ะ ชอบลักเล็กขโมยน้อย เคยเข้าอยู่บ้านเมตตาพักนึง ดิฉันพยายามส่งเสียให้เรียนก็ไม่เรียน ให้ทำไร่อ้อยก็ไม่ทำ ปัจจุบันสภาพไม่ต่างจากคนจรจัด ชอบนอน ไม่ค่อยอาบน้ำ แล้วก็ชอบไปนั่งเฉยๆ ที่โรงเจ แต่ดิฉันก็ยังส่งเสียเลี้ยงดูอยู่จนถึงปัจจุบัน) ลูกชายคนที่ 2 ก็ทำไร่อ้อยไปได้ซักพักก็แต่งงาน โดยดิฉันก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด และมีหลาน 2 คน ซึ่งปัจจุบันดิฉันก็เป็นคนออกค่าเล่าเรียนให้ทั้งหมด แต่หลังจากลูกชายแต่งงานก็มักจะพยายามหาธุรกิจอื่นทำ เพราะเบื่อทำไร่เนื่องจากเค้าบอกว่ากำไรน้อยและเหนื่อย โดยทุกธุรกิจที่เค้าคิดก็จะต้องเข้ามาขอเงินดิฉันเป็นทุนทั้งมหด ธุรกิจที่ทำก็เช่น ออกรถบรรทุกรับจ้างวิ่ง สร้างโรงเรือนเลี้ยงหมู ปลูกผัก ทำร้านหนังสือในมหาวิทยาลัย เปิดร้านทำผม และอีกหลายอย่างจำได้ไม่หมด แต่ทุกกิจการมักจะประสบความล้มเหลว ด้วยความเป็นคนไม่อดทนต่อการทำงาน จนระยะหลังดิฉันเหนื่อยที่จะให้เงิน แต่เค้ามักจะให้หลานโทรมาขอทีละหมื่นสองหมื่น ซึ่งดิฉันก็ด่าไปให้ไปทุกครั้ง แต่คงไม่เพียงพอกับความต้องการ จนเค้าเอาไร่อ้อยที่ดิฉันให้เค้าเป็นคนทำไปให้คนอื่นเซ้งต่อในราคาแสนถูก โดยทำในนามเค้าและเอาเงินไปประมาณสองแสนบาท ดิฉันทราบภายหลัง จึงไปทำการแก้ไขสัญญาให้เป็นการทำสัญญากับดิฉัน
แต่แล้วเมื่อวานนี้ดิฉันก็ได้รับหมายศาล โดยบุตรบุญธรรมทั้ง 2 กล่าวหาว่าผู้จัดการมรดก ซึ่งก็คือตัวดิฉัน ยักยอกทรัพย์ มันเจ็บใจค่ะ ทั้งที่ก็มีญาติหลายคนรู้เรื่องมาและมาเตือนเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าจะเป็นการพูดสนุกปาก จึงพยายามไม่สนใจมาก
ดิฉันจึงขอเรียนสอบถามอาจารย์ว่า ถ้าดิฉันจะตั้งทนายสู้ดิฉันมีสิทธิ์ที่จะชนะไหมค่ะ (คืออยากให้ศาลตัดสินว่า ยังไม่ให้แบ่งมรดกกันตอนนี้ และให้ไปรอจนดิฉันตายจึงจะมีการแบ่งมรดกกันได้ ทั้งนี้ดิฉันจะทำพินัยกรรมยกให้ลูกสาวคนเดียวและให้ลูกสาวทำการส่งเสียเลี้ยงหลานให้เรียนจนกว่าจะจบ หรือจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ)
ขอบคุณมากค่ะ
เรียน คนมืดแปดด้าน
ปัญหานี้ขึ้นอยู่กับว่า คุณกับสามีที่ตายไปได้จดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ และที่ดินนั้นเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัว และคุณได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ถ้าคุณไม่ได้จดทะเบียนสมรสและที่ดินนั้นเป็นของคุณมาแต่แรก หรือถึงจดทะเบียนสมรสแต่ที่ดินนั้นเป็นสินส่วนตัว ที่ดินนั้นก็ไม่ใช่มรดกที่ลูก ๆ จะมาขอแบ่งได้ และในกรณีที่ที่ดินนั้นเป็นสินสมรส และคุณไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก การเรียกร้องมรดกของลูกบุญธรรมก็อาจมีปัญหาเรื่องอายุความ นอกจากนั้นต้องดูว่าที่ว่าเป็นบุตรบุญธรรมนั้น คุณจดทะเบียนรับเขาเป็นเด็กบุญธรรมหรือไม่ และใครเป็นคนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ทั้งหมดนี้ควรปรึกษากับทนายความ อย่าวางเฉย